"แม่ค้าออนไลน์" ตัวแสบ ผันตัวเปิด"วงแชร์ ออมทอง" เชิดเงินเหยื่อหลายล้านบาท

9 ธ.ค.2564  ตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.)  ร่วมกับ กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) และ ตำรวจสืบสวนและสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) เข้าจับกุม น.ส.สุพรรณิการ์  (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ คดีฉ้อโกงประชาชน (วงแชร์ -ออมทอง)  

โดยช่วงปี 2558 น.ส.สุพรรณิการ์ ได้เปิดเพจเฟซบุ๊กชื่อ "Sine Su" เพื่อขายกระเป๋าแบรนด์เนม ประมูลสินค้าต่างๆ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก  และเป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดน้ำหนักยี่ห้อดัง ยี่ห้อหนึ่ง ภายหลังได้มีการชักชวนลูกค้าขาประจำในกลุ่มเฟซบุ๊กให้ไปร่วมลงทุน ลักษณะออมทองและลงทุนระดมเงินในวงแชร์ โดยอ้างว่าได้ผลตอบแทนสูง และได้ชักชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ชื่อ “บ้านทรายทอง” มีผู้สนใจเข้าเป็นสมาชิกกว่า 100 ราย 

โดยในระยะแรกสมาชิกได้เงินคืนตามที่ น.ส.สุพรรณิการ์ ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ จึงทำให้มีคนเชื่อถือจำนวนมากขึ้น  ประกอบกับโปรไฟล์ที่น่าเชื่อถือ ทำให้มีผู้เสียหายหลายราย ได้ร่วมลงทุนทั้งวงแชร์และออมทอง โดยมี น.ส.กนกวรรณ (สงวนนามสกุล)  ทำหน้าที่เป็นเลขาคอยดูแลจัดการสำรวจสมาชิกในวงแชร์ติดตามการจ่ายเงินจำนวนในแต่ละเดือน ภายหลัง น.ส.สุพรรณิการ์ กับ น.ส.กนกวรรณฯ ได้ปิดเฟซบุ๊ก และเชิดเงินหลบหนีกว่าหลายล้านบาทไป

ภายหลังประมาณปี 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองบังคับการปรามปราม ได้ติดตามจับกุม น.ส.กนกวรรณ  นำส่ง สภ.เมืองสมุทรสงคราม โดยจากการซักถามรับสารภาพว่าเป็นเลขาฯคอยจัดการในวงแชร์ ติดตามการจ่ายในแต่ละเดือนให้แก่สมาชิกในวงแชร์และออมทอง โดยมี น.ส.สุพรรณิการ์ คอยควบคุมดูและเป็นคนคอยชักชวนสมาชิกมาร่วมลงทุน

ต่อมา วันที่ 8 ธ.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบและติดตามตัวผู้ต้องหา จนสามารถจับกุมตัว น.ส.สุพรรณิการ์  ได้ตามหมายจับของศาลอาญาข้อหา “ร่วมกันให้กู้เงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริตหรือหลอกลวง, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือ ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ” โดยเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ที่บริเวณริมถนนวิภาวดี-รังสิต แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร

เบื้องต้น น.ส.สุพรรณิการ์ ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.สุทธิสารดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันและมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน 9 คดี และยังมีหมายจับในลักษณะเดียวกันที่ยังต้องการตัว อีกจำนวน 5 หมายจับ