"ทีมชาติไทย"ออกสตาร์ทเกมแรก กับฟุตบอลเอเอฟเอฟซูซูกิคัพ 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์ ด้วยชัยชนะ ที่มีต่อทีมชาติ ติมอร์ เลสเต อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะประสบความสำเร็จ กับการเก็บ 3 คะแนน แต่ประเด็นที่เกิดเป็นประเด็นคำถาม คือฟอร์มการเล่น ที่ยังไม่เร้าใจอย่างที่ควรจะเป็น
เก็บ 3 แต้ม ในนัดเปิดสนามได้ตามเป้าหมายสำหรับ"ทีมชาติไทย" ในฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ 2020 แม้รูปเกมในการเล่นกับทีมชาติติมอร์ เลสเต อาจทำให้แฟนบอลอึดอัด กระทั่งถูกวิจารณ์ในแบบจวกยับเป็นแถบๆ เพราะชัยชนะไม่ได้สวยหรูตามที่คาดหวัง ทั้งที่หากดูจากเพราะดูมุมไหนนักบอลไทยเกรดเหนือกว่า ติมอร์ เลสเต หลายขุม
ถ้ามองในมุมของ"โค้ช"ด้วยกัน การที่เกมออกมาแบบนี้ ด้วยเหตุที่ติมอร์ เลสเต เน้นเกมรับลึก หวังเก็บ 1 คะแนนเท่านั้น จึงตั้งหน้า ตั้งตา เล่นเกมรับแบบสุดซอย เรียกว่าในกรอบเขตโทษของติมอร์ เลสเต มีนักเตะติมอร์ฯ ยืนกองกันเต็มไปหมด ทำให้ ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้า "ทีมชาติไทย"แทบไม่มีพื้นที่ได้พลิกตัว
ด้านสไตล์การเล่น มาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ชทีมชาติไทย เลือกที่จะจัดทีมแบบสับขาหลอก ในไลน์อัพ ที่ขึ้นในการถ่ายทอดสด ทีมชาติไทยยืนผังการเล่น 4-2-3-1 แต่เมื่อเริ่มคิกออฟ นักเตะกลับไม่ได้เล่นในแบบแผน 4-2-3-1 แต่กลายเป็นว่าทริสตอง โด ที่ถูกจับไปยืนแบ็คซ้ายหุบเข้ามาตรงกลางมาเป็นตัวเปิดบอลในแดนกลาง
โดยให้นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม แบ็คขวาเล่นเป็นวิงแบ็คเติมเกมรุกตลอดเวลา ส่วนด้านซ้ายถ่างเอา บดินทร์ ผาลา ปีกจากการท่าเรือ ยืนในแนวกว้าง เหมือนกับว่าจะเห็นแนวทางการเล่นของ มาโน่ ในทัวนาเมนต์นี้ลางๆแล้ว
เหมือนกับว่าแผนการเล่นในวันที่เจอ ติมอร์ เลสเต เหมือนเซ็ตเอาไว้รอการมาของ 2 คีย์แมนอย่าง" ชนาธิป สรงกระสินธ์ "และ "ธีราทร บุญมาทัน" สองนักเตะเจลีก เพราะการเล่นของ"ทริสตอง โด" คือรูปแบบเดียวกับที่ธีราทร เล่นอยู่กับโยโกฮาม่า เอฟมารินอส ที่โค้ชจะให้"เจ้าอุ้ม" หุบจากแบ็คซ้ายเข้ากลางเพื่อใช้ประโยชน์จากการจ่ายและเปิดบอล
ซึ่ง มาโน่ คงคิดจะใช้ ธีราทร ในลักษณะเดียวกันเลยลองใช้ "ทริสตอง โด" มายืนเป็นตุ๊กตาเพื่อให้เห็นภาพ นอกจากนี้ยังสามารถปรับให้"เจ้าอุ้ม" ขยับกลับออกไปเป็นวิงแบ็ค เพื่อเติมเกมรุกโจมตีทางริมเส้นได้อีกด้วย
ส่วนคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ มาโน่ น่าจะพอใจผลงานของมานูเอล ทอมเบียรห์ กับ กฤษดา กาแมน ที่สามารถเล่นเกมบิวท์อัพจากแดนหลังได้ดี โดยเฉพาะกฤษดามีจุดเด่นในการจ่ายบอลที่แม่นยำ มีสมองและความคิดแบบกองกลางสามารถพลิกบอลขึ้นได้ สร้างสรรค์จังหวะจากแนวหลังได้ อาจได้เห็นคู่นี้ในเกมกับเมียนมาอีกครั้ง
ส่วนในแดนกลางเชื่อว่าอย่างไร มาโน่ จะต้องมีการปรับเปลี่ยนแน่นอน เพราะเกมที่ผ่านมาเห็นแล้วว่าการใส่กองกลางสไตล์ใกล้เคียงกัน 3 คนลงมาพร้อมกัน ทำให้เกมรุกดูตื้อตันๆ แน่นอนว่าการมีทั้งสารัช อยู่เย็น , ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ และ พิธิวัต สุขจิตธรรมกุล มีจุดเด่นด้านการครองบอลในแดนกลาง ที่ทั้ง 3 คนทำได้ดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่หายไปคือการสร้างสรรค์เกมรุก
โดยในเกมกับเมียนมา มาโน่ อาจเลือกเอา พิธิวัต กลับไปนั่งสำรอง แล้วใส่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ลงมาเล่นในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ คอยสร้างสรรค์เกมรุก แล้วขยับเอาฐิติพันธ์ ถอยลงมาเล่นกลางกับสารัช โดยสารัชจะเป็นตัวโฮลดิ้งบอลในแดนกลาง คอยเชื่อมเกมในแดนกลางพาบอลไปให้ชนาธิป และมีฐิติพันธ์ สวมบทบาทกองกลางBoxToBox คอยไล่บอลในแดนกลาง
ส่วนเกมรุกริมเส้นแน่นอนว่าฝั่งขวาเริ่มมีความลงตัว และกลายเป็นจุดเด่น เมื่อนฤบดินทร์สามารถเติมเกมมาเปิดบอลได้ดี ทำให้เป็นอีกอาวุธหลักของทีมชาติไทย ประกอบการร่วมเล่นแบบบุรีรัมย์ คอนเนคชั่นกับสุภโชค สารชาติ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แถมยังแอสซิสต์ให้สุภโชคยิงประตูปิดกล่องอีกด้วย มาโน่ น่าจะไว้ใจให้กราบขวาเป็นหน้าที่ของสองคนนี้ต่อไป
แต่ฝั่งซ้ายนี่ยังคงมีเครื่องหมายคำถามในเกมกับติมอร์เลสเต มาโน่ เลือกให้โอกาสบดินทร์ ผาลา แต่ผลงานที่ทำได้ตลอด 45 นาทีกลับทำไม่เข้าเป้า ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ในครึ่งหลังการลงมาของปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ ตัวรุกจากบีจีปทุม ยูไนเต็ด ทำให้เกมฝั่งซ้ายทำได้แข็งแกร่งขึ้นและดุดันจนได้ประตู จนทำให้ต้องอ่านใจว่า มาโน่ จะผลักดันให้บดินทร์ ออกสตาร์ท ตัวจริงต่อหรือไม่ หรือจะปรับให้ปฐมพลเป็น 11 แรกทันที
ส่วนในแดนหน้าธีรศิลป์ แดงดา นัดแรกไร้สกอร์อาจทำให้แฟนบอลเริ่มตั้งคำถามว่า"มุ้ย"ยังคมเหมือนเดิมหรือไม่ แต่ประโยชน์ของธีรศิลป์ ไม่ใช่เพียงแค่จบสกอร์ แต่ประสบการณ์ของธีรศิลป์สามารถใช้ในการวิ่งตามช่อง เพื่อดึงกองหลังเปิดพื้นที่ให้ตัวรุกอื่นๆสอดเขาไปในเขตโทษ รวมถึงรูปร่างสูงใหญ่สามารถใช้ในการเก็บบอลและการโจมตีลูกกลางอากาศได้
คาดว่า มาโน่ คงจะให้ธีรศิลป์ ลงยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าอีกหนึ่งนัด และค่อยๆสลับเอาศุภชัย ใจเด็ด กับอดิศักดิ์ ไกรษร ลงมาในครึ่งหลังตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในเวลานั้น
แน่นอนว่าถ้ามองสภาพทีมของเมียนมา ขณะนี้ถือว่ามีปัญหาพอสมควร ที่มีนักเตะติดโควิดกว่า 10 คน
ประกอบกับนัดแรกแพ้เจ้าภาพสิงคโปร์มาด้วย ทางเลือกของเมียนมามีไม่มากนอกจากต้องคว้าชัยชนะเพื่อลุ้นเข้ารอบ แม้สภาพทีมจะไม่สมบูรณ์ แต่เมื่อเจอกับทีมชาติไทยเมื่อไหร่ คือเกมศักดิ์ศรีบ้านใกล้เรือนเคียง ที่ยอมกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นทีมชาติไทยจะประมาทไม่ได้ มาโน่มีอะไรต้องขนมาใช้ให้หมด
หากชนะเมียนมาได้แล้วจะทำให้มี 6 คะแนน ทำให้สามารถปรับแผนยืดหยุ่นแท็คติกได้ใน 2 นัดสุดท้ายที่จะเจอกับฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ แต่พลาดท่าแพ้หรือเสมอขึ้นมา 2 นัดสุดท้ายเหนื่อยแน่นอน
ขอขอบคุณภาพจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง