สธ.ยืนยันไม่มีผู้ติดเชื้อ "โอไมครอน" รายที่ 2 อีก 7 วันรู้ผลตรวจแบบแน่ชัด

นพ.จักรรัฐ  พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวถึง "สถานการณ์โควิด 19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" ว่า สำหรับการระบาดของโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศขณะนี้นั้นมีผู้ติดเชื้อยืนยันจำนวน 1 ราย คือชายชาวอเมริกันที่เดินทางมาจากสเปน ซึ่งวานนี้(6 ธ.ค.64) ได้มีการแถลงยืนยันผู้ติดเชื้อไปแล้ว 

สำหรับความคืบหน้าในการสอบสวนโดยละเอียดพบว่า ขณะนั่งเครื่องบินไม่มีผู้สัมผัสใกล้ชิด เพราะที่ผ่านมามีการปรับนิยามผู้สมผัสใกล้ชิดบนเครื่องิบนใหม่ เพราะมีข้อมูลรายงานว่าระบบระบายอากาศบนเครื่องบินมีความถ่ายเทได้เป็นอย่างดี และผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวนั่งริมหน้าต่าง และมีการนั่งเว้นระยะห่าง 1 ที่นั่งจึงยังไม่มีผู้สัมผัสติดเชื้อ 

ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดในโรงแรมจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ใกล้ชิดจำนวน 17 ราย ซึ่งได้มีการส่งพนักงานทั้งหมดเข้าตรวจหาเชื้อ และพบว่าผลเป็นลบทั้ง 16 ราย ส่วนอีก 1 ราย  เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด-19สายพันธุ์โอไมครอน

ที่เป็นพนักงานเสิร์ฟ พบว่า เป็นชายไทยอายุ 44 ปีสัญชาติไทยไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีอาการป่วยได้รับวัคซีนแอสตร้าเซนาก้า  ครบ 2 เข็ม โดยช่วง 29 - 30 พ.ย.  หยุดอยู่บ้านไปตลาดปากซอยหมู่บ้านที่กรุงเทพฯ

• วันที่ 1 ธ.ค. เวลา12.00 น. เดินทางไปทำงานที่โรงแรม เวลา 21.30 น เสริฟอาหารให้กับผู้เดินทางชาวอเมริกันและให้เซ็นเอกสารโดยใส่หน้ากากอนามัยทั้งคู่  / หลังออกจากห้องกัก ได้ทำความสะอาดอุปกรณ์ 
• วันที่ 2 ธ.ค. เวลา 18.00 น ถึง 20:00 น ปฏิบัติงานด้านเอกสารที่โรงแรม  
• วันที่ 3 ธ.ค. เดินทางกลับบ้านจังหวัดอุบลราชธานีพร้อมครอบครัว 4 คนด้วยรถยนต์ส่วนตัว และรับญาติที่จังหวัดนครราชสีมา 1 คน มีแวะตลาดแถวบ้านใส่หน้ากากตลอดเวลา 
• วันที่ 4 ธ.ค. อยู่บ้านตลอด และได้รับแจ้งว่าเป็นผู้สัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 เชื้อ โอไมครอน 

• วันที่ 5 ธ.ค. ถูกเก็บตัวอย่างเชื้อ และเลือดที่โรงพยาบาลพิบูลมังสาหาร และส่งตรวจเชื้อที่สถาบันบําราศนราดูรและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 
• วันที่ 6 ธ.ค. เดินทางกลับกรุงเทพฯ   ทราบข่าวว่าผลตรวจหาเชื้อเบื้องต้นสงสัยเป็นบวก  เข้ารับการรักษาที่สถาบันบําราศนราดูร และเข้ารับการตรวจด้วย RT-PCR 
• วันที่ 7 ธ.ค. เมื่อ12.00 น. ที่ผ่านมา  ผลตรวจ RT-PCR ที่สถาบันบําราศนราดูร  ยืนยันรอบ 2  ผลเป็นลบ ถือว่าไม่ติดเชื้อ  แต่ก็ยังต้องกักตัว และรอทำการตรวจซ้ำอีกครั้ง

โดยผู้สัมผัสทั้งหมดจะถูกตรวจหาเชื้ออีกครั้งในวันที่ 13 -14 ธันวาคมนี้