ควันหลง "ทีมชาติไทย"ปะทะ ติมอร์ เลสเต  ชัยชนะที่ยากลำบาก 

แน่นอนว่าผลการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020" หรือ "อาเซียนคัพ" ถ้วยแห่งความภาคภูมิใจของชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับเกมแรกของ"ทีมชาติไทย"  ภายใต้การนำทัพของ  "โค้ชมาโน่" อเล็กซานเดร มาโน่ โพลกิ้ง เฮดโค้ชลูกครึ่งเยอรมัน-บราซิล ผู้คร่ำหวอดในวงการฟุตบอลไทยมายาวนาน   หากมองในมุมของแฟนบอลแล้ว อยู่บนความรู้สึก ไม่เป็นที่พอใจของแฟนบอลสักเท่าไหร่ แม้ว่าจะชนะทีมชาติติมอร์ เลสเต ก็ตาม

 

เพราะด้วยสกอร์และรูปแบบการเล่นของ"ทีมชาติไทย"แล้ว อารมณ์ไม่ต่างไปจาก "แม่ไม่ปลื้ม"  ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจาก  การชนะด้วยสกอร์ 2-0 ถือว่ายิงน้อยไป  เมื่อเทียบเกรดของนักฟุตบอลระหว่างไทยกับติมอร์ เลสเต  ไม่ใช่ว่าติมอร์ เลสเต ไม่เก่งนะครับ แต่ด้วยคุณภาพของลีกภายในประเทศและประสบการณ์ของผู้เล่นทีมชาติไทย  เราอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาก 

 

เพราะในทัวนาเมนต์นี้ ติมอร์ เลสเต ไม่สามารถใช้งานนักฟุตบอลโอนสัญชาติได้ และอายุเฉลี่ยนักเตะของติมอร์ เลสเต อยู่ที่ 20 ปีเท่านั้น ขณะที่ทีมชาติไทยทีมงานสต๊าฟโค้ชและ " มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ  ผู้จัดการทีม ต่างพากันขนเอานักเตะที่ดีที่สุดไปเกือบทั้งหมด 

 

เมื่อดูจากไลน์อัพในการจัดทีมของ"โค้ชมาโน่" ในนัดแรก ถือว่าเป็นอะไรที่เซอร์ไพรส์พอสมควร เมื่อโค้ชมาโน่   เลือกที่จะมาเล่นแบบเพลย์เซฟ ด้วยการยืนตำแหน่ง 4-2-3-1 ให้ฉัตรชัย บุตรพรม  (บีจีปทุมยูไนเต็ด) เป็นผู้รักษาประตู อันนี้เห็นด้วยเนื่องจากว่าบอลของ มาโน่ เป็นสไตล์แบบบิวท์อัพจากหลังขึ้นไป  ผู้รักษาประตูจึงเลือกฉัตรชัย ที่เป็นประตูที่ใช้เท้าได้ดีที่สุด ในบรรดาผู้รักษาประตู 3 คนที่เรียกไป (  กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ :  โอเอชลูเวิน , ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน บุรีรัมย์ : ยูไนเต็ด) 

 เมื่อมาถึงแนวรับ "โค้ชมาโน่" เลือกคู่เซนเตอร์เป็นมานูเอล ทอมเบียรห์  ทรูแบงค็อกยูไนเต็ด  จับคู่กับ กฤษดา กาแมน   ชลบุรี  เอฟซี ซึ่งสร้างความประหลาดใจพอสมควร เพราะ กฤษดา ตอนเล่นอยู่กับต้นสังกัดอย่างชลบุรี เอฟซี เจ้าตัวเป็นกองกลางตัวรับ แต่เมื่อมายืนเซ็นเตอร์ฮาล์ฟคู่ทอมเบียรห์ ก็ไม่น่ามีปัญหาเนื่องจากกฤษดา ก่อนจะแจ้งเกิดกับชลบุรี   เอฟซี

 

เจ้าตัวเติบโตมาในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ด้วยความที่  มาโน่ อาจมองเห็นแล้วว่ารูปร่างผู้เล่นของติมอร์ เลสเต อาจไม่ได้สูงใหญ่มากนัก การมีกองหลังตัวใหญ่อย่างทอมเบียรห์คนเดียวน่าจะเพียงพอ ส่วนกฤษดา เลือกที่จะใช้ประโยชน์จากทักษะจ่ายบอลแบบกองกลางมาช่วยในการบิวท์อัพเกม

 

ส่วนแบ็คขวาเลือกใช้นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม แบ็คขวาจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ในไทยลีกปีนี้ถือว่ามีฟอร์มการเล่นที่ดีจนได้รับปลอกแขนกัปตันทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด  ทั้งเกมรับที่ทำได้ดี รวมถึงเกมรุกที่เติมมาครอสบอลได้อย่างลุ้นตลอด  ส่วนแบ็คซ้าย มาโน่ กลับเลือกใช้ ทริสตอง โด ทรูแบงค็อกยูไนเต็ด  ที่ปกติคือแบ็คขวา แต่ในเกมกลับถูกจับโยกมายืนฝั่งซ้าย เข้าใจว่าธีราทร บุญมาทัน แบ็คซ้ายเจลีก ยังเดินทางมาไม่ถึง

 

แต่ในทีมยังมีสุริยา สิงห์มุ้ย ลีโอเชียงรายยูไนเต็ด  แบ็คซ้ายอีกคน แต่มาโน่เลือกจะใช้ ทริสตอง โด แถมในเกมไม่ให้เติมเกมรุกริมเส้นฝั่งซ้าย แต่ให้ตัดเข้าด้านใน เพื่อปิดพื้นที่ตรงกลาง ส่งผลให้เกมรุกของไทยหนักไปทางขวา และประตูที่ได้ก็มาจากการเปิดบอลของนฤบดินทร์ 

 

 

แดนกลาง"โค้ชมาโน่" เลือกที่จะอัดแดนกลางประสบการณ์ลงมาทั้ง สารัช อยู่เย็น  บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ทรูแบงค็อกยูไนเต็ด  โดยมีพิธิวัต สุขจิตธรรมกุล ลีโอ เชียงรายยูไนเต็ด ลงมาเล่นร่วมเป็น 3 ประสาน ส่วนตัวรุกริมเส้นวาง บดินทร์ ผาลา   การท่าเรือ  เอฟซี กับ สุภโชค สารชาติ   บุรีรัมย์ยูไนเต็ด   คอยทำเกมทางริมเส้น

โดยมี  "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา บีจีปทุม ยูไนเต็ด ยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้า และเป็นความหวังในการจบสกอร์ เมื่อดูจากไลน์อัพแล้ว ถือว่าน่าจะเอาชนะได้ไม่ยาก และมีการคาดการณ์ว่ายิงไม่ต่ำกว่า 5 ลูกด้วยซ้ำ      แต่พอเริ่มเกมไปในช่วงแรกนักเตะไทย ช่วยกันทำเกมบุกใส่ติมอร์ เลสเต อย่างต่อเนื่องและวูบวาบ มีโอกาสได้ส่องหลายครั้งแต่ยังไม่ได้ประตู พอเวลาผ่านไปติมอร์ เลสเตเริ่มคลำทางได้ แล้วเลือกที่จะซื้อเกมรับแพ็คแน่นในแดนตัวเอง เรียกว่าทั้ง 11 คน มาจอดรถบัสขวางหน้าประตูเอาไว้ ทำให้พอเวลาผ่านไปไทยเริ่มเจาะเข้าพื้นที่สุดท้ายยากมากขึ้น

 

ต้องอาศัยบอลโยนยาวเข้าโจมตี แต่ธีรศิลป์ โดนประกบแน่นทำให้จังหวะขึ้นโขกยังไม่ถนัด จบครึ่งแรกที่ 0-0    ในครึ่งหลังมีการเปลี่ยนตัวเอาปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ บีจีปทุมยูไนเต็ด ลงมาแทนบดินทร์ ผาลา ที่ครึ่งแรกทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน และธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร เลสเตอร์ซิตี้  ลงมาแทนพิธิวัต สุขจิตธรรมกุล เพื่อเพิ่มมิติในเกมรุกมากขึ้น

 

เกมเริ่มกระฉับกระเฉงขึ้นวูบวาบขึ้น จนมาได้ประตูปลดล็อคจากปฐมพล ทำให้เล่นง่ายมากขึ้น หลังจากนั้นมาโน่ส่ง ศุภชัย ใจเด็ด   บุรีรัมย์ยูไนเต็ด  กับ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ   บีจีปทุมยูไนเต็ด  ลงมาลองระบบ ก่อนจะได้เพิ่มอีกลูกจาก สุภโชค สารชาติ ทำให้ชนะ 2-0     แน่นอนว่านี่เป็นเกมแรกของรายการนี้ ซึ่งเกมแรกที่ว่ามันเต็มไปด้วยความกดดัน

 

ถ้าหากเก็บ 3 คะแนนแรก ไม่ได้ นัดที่เหลือ"ช้างศึก" ทีมชาติไทยเหนื่อยหนักแน่นอน เกมแรกทุกทีมต่างจับตามองการเล่นของไทย ในฐานะทีมเต็งว่าจะมาไม้ไหน การจัดตัวแบบนี้อาจเป็นการสับขาหลอกของมาโน่ก็ได้ พร้อมกับการลองระบบบางอย่างไปในตัว มาโน่เองอาจมีโมเดลการจัดตัวอยู่ในใจแล้วว่าเมื่อได้ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีราทร บุญมาทัน จะจับวางลงตรงไหน 

 

 ความโชคดีของทีมชาติไทย คือเมื่อจบเกมกับติมอร์เลสเต มีเวลากลับไปแก้ไขปรับปรุงซ้อมทำความเข้าใจกันใหม่อีก 5 วันก่อนจะลงเล่นเกมที่ 2 กับเมียนมาในวันเสาร์ที่ 11 ธ.ค.   ความเข้าใจและแท็คติกต่างๆ น่าจะมีความลงตัวมากขึ้น และการเก็บชัยชนะนัดแรกแม้ว่าจะไม่สวยงาม แต่สามารถลดความกดดันให้กับนักเตะไปได้ระดับหนึ่ง

 

อย่างไรก็ตามด้วยเป้าหมายการคว้าแชมป์ซูซูกิคัพ เกมที่เหลือ  มาโน่ มีอะไรต้องใส่ลงมาให้หมด จะมาลองผิดลองถูกไม่ได้แล้ว   ซึ่งเกมล่าสุดสามารถประเมินศักยภาพนักเตะบางคนได้ชัดเจนแล้ว ว่าจะจะได้รับโอกาสลงเล่น 11 ตัวจริงต่อหรือไม่      หวังว่าในเกมที่สองกับเมียนมา เกมรุกของทีมชาติไทยจะต้องมีความกระฉับเฉงมากกว่านี้ รวมถึงต้องหลากหลายมากขึ้น จะมาเล่นแบบอืด ๆ เอื่อย ๆ แบบเดิมไม่ได้ ถ้าหากจะหวังชัยชนะที่สวยงาม และไม่ถูกแฟนบอลออนไลน์จัดหนักจัดเต็ม ยิ่งถ้าไม่ได้แชมป์ไม่อยากจะคิดภาพว่าจะเกิดอะไรขึ้น   
        

ฟุตบอลทีมชาติไทยประเดิมเกมแรกของฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน หรือ เอเอฟเอฟซูซูกิคัพ 2020  แข่งขันที่สิงคโปร์  โดยไทย เอาชนะติมอร์ เลสเต 2-0  ในขณะที่มีประเด็นตามมาของฟอร์มการเล่นทีมชาติไทย  ต่อเกมนัดแรกที่ยังทำได้ไม่ดีพอ

 

ขอขอบคุณภาพจาก  สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย