รายงานพิเศษ : "ยิม วรชิต" จาก ฉลามชล สู่เดอะแรบบิท หวานอมขมกลืน ของชลบุรี เอฟซี

" ยิม วรชิต"  ค่าตัว 50 ล้าน  นี่กลายเป็นสมมติฐานที่เกิดขึ้น ทันทีที่สองฝ่ายคือ ชลบุรี  เอฟซี สโมสรฟุตบอลในไทยลีก ขายนักเตะรายนี้ให้กับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด   เป็นมูลค่าทางการตลาดที่เกิดขึ้นกับ "ยิม วรชิต " วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กองกลางตัวรุกฟอร์มแรงของชลบุรี เอฟซี ที่โยกไปค้าแข้งกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด  โดยข่าวที่เชื่อมโยงต่อมา คือ "กระต่ายแก้ว" เปย์ค่าเหนื่อยหนักมากให้นักเตะวัย 24 ปี   ในสัญญา  4 ปี รับเหนาะ ๆ 14 ล้านบาท

กระทั่ง ปวิณ ภิรมย์ภักดี ประธานสโมสรบีจี ปทุม ยูไนเต็ด   ต้องออกมายุติเรื่องนี้  โดยยืนยันว่า  "ยิม วรชิต" ค่าตัวไม่ถึง 50 ล้านบาท      จริง ๆ การย้ายทีม"สายฟ้าแลบ" ของ  ยิม  วรชิต  ถือว่าสร้างความฮือฮาพอสมควร เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีมีวี่แววว่า "ฉลามชล" จะขายนักเตะลูกหม้อศิษย์ก้นกุฏิของ  "เฮงซัง"  วิทยา เลาหกุล ประธานเทคนิคของชลบุรี เอฟซี ที่เป็นผู้ปลุกปั้น"เจ้ายิม" มาตั้งแต่ยังเป็นเยาวชน   กระทั่งทั้ง 2 ฝ่าย ออกแถลงการณ์ยืนยันการซื้อขาย 

โดยเหตุผลที่ชลบุรี เอฟซี ตัดสินใจยอมปล่อยนักเตะย้ายทีม "บิ๊กบอล" ศศิศ สิงโตทอง ผู้จัดการทีม ให้เหตุผลว่าเกิดจากในช่วงที่ผ่านมาทีมประสบปัญหาการเงินในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้บอลเตะไปเบรกไป แฟนบอลเข้าสนามได้บ้างไม่ได้บ้าง เข้าได้ก็ไม่เต็มจำนวน รวมถึงผู้สนับสนุนต่างๆ ชะลอจ่ายเงินเพราประสบปัญหาเช่นเดียวกัน ทำให้รายได้ของสโมสรลดน้อยลงไป 

ดังนั้นการขาย " ยิม วรชิต" ก็เพื่อนำเงินเข้ามาพยุง  ให้สโมสรก้าวเดินต่อไปได้ รวมถึงโอกาสที่   ยิม วรชิต จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นกว่าอยู่กับ ชลบุรี เอฟซี  ถ้าพูดง่ายๆคือ นี่คือวิถีของฟุตบอล เมื่อมีข้อเสนอที่ดีทีมก็พร้อมขาย นักเตะก็พร้อมย้ายถ้าหากได้เงินเดือนที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัว และชลบุรีเองมีแผนที่จะดันนักเตะดาวรุ่งฝีเท้าดีขึ้นมาทดแทน รวมถึงการได้ตัวสิทธิโชค ภาโส กลับมาจากริวกิว เอฟซีในญี่ปุ่น

ประกอบกับทีมอย่าง ชลบุรี เอฟซี มีแนวทางในการสร้างเยาวชนเป็นหลักอยู่แล้ว ปั้นขึ้นมาแล้วขายไป ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ ไม่ใช่แค่ชลบุรี เอฟซี  หลายทีมทั่วโลกก็มีแนวทางเช่นนี้เหมือนกัน  เช่น อาแจกซ์ อัมสเตอร์ดัม ในเนเธอร์แลนด์ ที่ปั้นดาวรุ่งดังๆมากมาย ก่อนจะขายให้ทีมยักษ์ใหญ่ หรือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์  ในเยอรมัน ที่เอานักเตะโนเนม หรือนักเตะเยาวชนที่มีแววมาขัดเกลาแล้วขายต่อในราคาที่ทีมพอใจ

คำถามคือ แล้วทำไม บีจี  ปทุม ยูไนเต็ด ถึงยอมจ่ายค่าตัว "ยิม  วรชิต" ในหลักที่ใกล้ ๆ   50 ล้านบาท  และประเคนค่าเหนื่อยมหาศาลให้ขนาดนั้น หากมองกลุ่มผู้เล่นตัวหลักของ บีจีปทุม ยูไนเต็ด ขณะนี้ จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นผู้เล่นที่อายุเลยเลข 3 ไปแล้วทั้งสิ้น แนวรับอย่าง วิคเตอร์ คาร์โดโซ และ อันเดรส ตูเญซ หรือตัวรุกอย่าง สุมัญญา ปุริสาย , ธีรศิลป์ แดงดา และ ดิโอโก หลุยส์ซานโต้ ยังไม่นับทีมแบ็คอัพอย่าง สุรชาติ สารีพิมพ์ , พีรพงศ์ พิชิตโชติรัตน์ และ ชาตรี ฉิมทะเล

ที่เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันขยับไปเป็นโค้ชแล้วหลายคน    เพราฉะนั้นการนำตัว  "ยิม  วรชิต" เข้ามาเสริมในแนวรุก ถือเป็นสิ่งที่บีจี  ปทุม   ยูไนเต็ด ซื้ออนาคต เนื่องจากว่า ยิม  วรชิต  อายุเพียง 24 ปี และเล่นได้หลายตำแหน่งในแดนกลางทั้งมิดฟิลด์ตัวโฮลดิ้งบอล มิดฟิดล์ตัวสร้างสรรค์เกม และหน้าต่ำ โดยเฉพาะในช่วงหลัง  "โค้ชเตี้ย"  สะสม พบประเสริฐ เฮดโค้ช ชลบุรี เอฟซี  ให้ ยิม เล่นตำแหน่งฟอลไนล์ บ่อย ๆ และทำได้ดี   ยิงประตูได้บ่อย จนทำให้ขณะนี้เป็นแข้งไทยที่ยิงประตูได้เป็นลำดับต้นๆในไทยลีกซีซั่นนี้ ที่ 8 ประตู

 เมื่อจับ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ มาเติมในแผงแดนกลางที่มีทั้งสารัช อยู่เย็น , เชาว์วัตน์ วีระชาติ , ฉัตรมงคล ทองคีรี และ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ เป็นอะไรที่น่าจับตามอง ว่า "โค้ชโอ่ง" ดุสิต เฉลิมแสน เฮดโค้ช บีจีปทุม ยูไนเต็ด  จะให้   ยิม วรชิต  ลงเล่นในบทบาทไหน 

จากนี้อยู่ที่ "โค้ชโอ่ง" จะเลือกใช้งาน " ยิม วรชิต" อย่างไร เพราะแน่นอนว่าด้วยค่าตัวและค่าเหนื่อย ย่อมต้องให้นักเตะ ลงเล่นทุกนัดถ้าไม่เจ็บไม่แบน โดยเฉพาะในครึ่งซีซั่นหลังที่เป้าหมายของบอร์ดบริหาร บีจี ปทุม ยูไนเต็ด" ต้องการมากที่สุด คือการป้องกันแชมป์ไทยลีก รวมถึงคว้าแชมป์บอลถ้วยให้ได้  
 

วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ กองกลางชลบุรี เอฟซี  ซึ่งย้ายไปร่วมงานกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด  ท่ามกลางข่าวว่า นี่คือการทุ่มซื้อตัวในวงเงินที่สูง  จากทางฝั่ง บีจี ปทุม ยูไนต็ด ที่ต้องการกองกลางวัย 24  ปี  มาร่วมทีม 

ขอขอบคุณภาพจาก สโมสรชลบุรี เอฟซี