ข่าว

แฉอดีตมหา ป. วิ่งเต้นช่วย "พระเล็ก" หาพื้นที่ลง 7 ธ.ค. ความแตกเจอต้านก่อน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พระครูโสภณธรรมอุดม แฉ ป. วิ่งเต้นช่วย "พระเล็ก" หาพื้นที่ลง 7 ธ.ค. ความแตกเจอชาวบ้านต้าน ชี้ ฆราวาสไม่เอาพระเรื่องใหญ่ และ พระธรรมวินัย หัวใจสำคัญ

ปัญหาร้อน วงการสงฆ์กาฬสินธุ์ กับกรณีการถอดถอนเจ้าคณะจังหวัด 3 รูป โดยเฉพาะการถอดถอน "เจ้าคุณบัวศรี" พร้อมแต่งตั้ง พระครูสุทธิญาณโสภณ หรือ "พระเล็ก" ให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) แทน ทำให้เกิดปัญหาบานปลาย รวมทั้งชาวพุทธกาฬสินธุ์ ที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน หัวเด็ดตีนขาด ยังไงก็ไม่เอา "พระเล็ก" เข้าปกครองในพื้นที่

 

พระครูโสภณธรรมอุดม (สมคิด อนุตตโร) เจ้าอาวาสวัดโพธิพุทธคุณ จ.กาฬสินธุ์ โพสต์เฟซบุ๊ค Sophonthamudom  ถึงเรื่องนี้ โดยหลักใหญ่ใจความระบุว่า "พระไม่ยอมรับพระยังไม่เท่าไหร่
ฆราวาสไม่ยอมรับพระแล้วจะอยู่อย่างไร"

 

แค่ข่าวลือเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) รูปใหม่ จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 7 ธ.ค. 64 โดยการวิ่งเต้นประสานงานในทุกรูปแบบของ นามย่อ นาย ป. อยู่อำเภอร่องคำ โดยจะยึดวัดบ้านโนนศิลาเลิง เป็นสำนักงานเจ้าคณะจังหวัด แต่ข่าวกลับรั่วเสียก่อน ชาวพุทธ ต.โนนศิลาเลิง ประกาศก้องพร้อมปักป้าย ชูป้ายประท้วงไม่ต้อนรับดักหน้าเป็นอันว่าจบข่าว

 

 

แฉอดีตมหา ป. วิ่งเต้นช่วย "พระเล็ก" หาพื้นที่ลง 7 ธ.ค. ความแตกเจอต้านก่อน

นาย ป.ก็ยังไม่ลดละ ทั้ง ๆ ที่ก็เคยเป็นถึงอดีตพระมหา แต่กลับไม่รู้กาละเทศะว่า สถานการณ์ชาวพุทธในจังหวัดกาฬสินธุ์ในตอนนี้ กรณีปลดหลวงพ่อ "เจ้าคุณบัวศรี" เขาไม่เห็นด้วยรุนแรงขนาดไหน อายุก็ปาเข้าไปจะ 70 แล้ว ความโลภก็ยังบังตาได้ เลยพุ่งเป้าไปที่วัดป่าเครือวัลย์ ของหลวงปู่พระครูกมลาไสยคุณ (หลวงปู่โสภา ธมฺมิโก) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) แต่ก็ได้รับคำยืนยันจากหลวงปู่ว่า หน้าก็ไม่เคยเห็นไม่ต้องมาถึงมาก็ไม่รับ แต่ท่านบอกว่ามีคนมาหาจริง แต่ท่านได้ปฏิเสธไปแล้ว อย่าพากันไปออกข่าวมั่ว ๆ มันเสียหายต่อคณะสงฆ์


    

  1. พระไม่ยอมรับพระยังไม่เท่าไหร่ ไม่พึงพอใจกันก็ไม่ไปคบค้าสมาคม ไม่ยุ่งเกี่ยว ก็ปล่อยท่านดำเนินนโยบายไป เพราะพระสงฆ์มีพระธรรมวินัยเป็นเครื่องปกครองอยู่แล้ว
  2. ฆราวาสไม่ยอมรับพระ นี่สิปัญหาใหญ่ เราก็คาดเดาไม่ได้ว่า พฤติกรรมพฤติการณ์ของฆราวาสเขาจะควบคุมตัวเอง มีสติสัมปชัญญะมากน้อยแค่ไหน ถ้าแค่ชูป้ายประท้วง หรือขึ้นเวทีปราศรัยก็พอทำเนา แต่ถ้าเลยเถิดไปถึงทำลายวัตถุข้าวของศาสนสมบัติภายในวัดที่ท่านพำนักอยู่ วัตถุเสียหายไม่เท่าไหร่ แต่ความเป็นพระพุทธศาสนาที่สืบทอดต่อ ๆ กันมา 2,500 กว่าปี ไม่ป่นปี้แค่เพราะมีมิจฉาทิฐิต่อกันเท่านั้นหรือ

     
 

"เกล้ากระผม/อาตมา ขอกราบ และขอวิงวอนผู้มีอำนาจ ขอให้ท่านรีบแก้ไข และยุติให้ได้ในเร็ววันก่อนที่มันจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันไปมากกว่านี้เถอะขอรับ"

 

 

แฉอดีตมหา ป. วิ่งเต้นช่วย "พระเล็ก" หาพื้นที่ลง 7 ธ.ค. ความแตกเจอต้านก่อน

นอกจากนี้ พระครูโสภณธรรมอุดม ยังเน้นย้ำด้วยว่า "สิ่งที่ควรรักษาคือพระธรรมวินัย มิใช่ครูบาอาจารย์"
เพราะ พระธรรมวินัย คือหัวใจของพระพุทธศาสนา แม้เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ของแต่ละรูปแต่ละท่าน เมื่อก้าวล่วงพระธรรมวินัย ก็ต้องผิดไม่มีการละเว้น ด้วยเหตุใด ๆ โทษหนักเบามีในวินัยบัญญัติอยู่แล้ว ตรงกันข้าม ถ้าเราคิดแต่จะหาหนทาง ที่จะปกป้องบุคคลที่เราศรัทธาบูชากราบไหว้ให้พ้นผิด โดยไม่คิดถึงพระธรรมวินัย พวกเราทั้งหลายนั่นแหละได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำร้ายและทำลาย "พระพุทธศาสนา"
     

 

กรณีการถอดถอนเจ้าคณะจังหวัดทั้ง 3 รูป ไม่ว่าคณะสงฆ์ หรือแม้แต่พุทธศาสนิกชนที่ไม่เห็นด้วย ก็ต้องยกพระธรรมวินัยไว้เป็นหลักในการพิจารณาความถูกผิดของพ่อแม่ครูอาจารย์ของตนเอง ไม่ใช่เอาความศรัทธาเป็นใหญ่ โดยที่ไม่สนใจใคร่รู้เรื่องพระธรรมวินัย ซึ่งเป็นหัวใจหลัก นี่จึงเป็นเรื่องใหญ่ ๆ ถึงขนาดพระพุทธศาสนาอาจล่มสลายได้ ถ้าหากมีการล่วงละเมิดพระธรรมวินัยอย่างไร้ "หิริโอตตัปปะ"
     

 

ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด หากแต่ผิดพลาดแล้วมีการแก้ไข ย่อมที่จะได้รับคำสรรเสริญมากกว่าคำติฉินนินทาอย่างแน่นอน เฉกเช่นปัญหาในปัจจุบัน ที่เกิดขึ้นในการปกครองคณะสงฆ์ไทย ว่าด้วยเรื่องการถอดถอนและการแต่งตั้งที่ผิดกฏเกณฑ์ และบทบัญญัติ หรือหากไม่ผิดกฏเกณฑ์ไม่ผิดบทบัญญัติในการถอดถอน และแต่งตั้งที่ตราไว้ ก็ต้องให้คำตอบแก่ผู้ที่ได้รับการถอดถอน และต่อสาธารณชนโดยเปิดเผย
     

 

แต่ตรงกันข้ามในขณะนี้ การแก้ปัญหากับหลงทิศหลงทาง ดึงดันเชื่อมโยงกล่าวอ้าง นำเอาอำนาจมาแก้ปัญหา ซึ่งเพียงแต่แก้ไม่ได้ กลับจะทำให้ปัญหารุกลามใหญ่โตมากยิ่งขึ้น เพราะในความเป็นจริงผู้หวังดีก็มีผู้หวังทำลายก็มากในเรื่องนี้ เราท่านทั้งหลายก็ย่อมที่จะทราบดีอยู่แล้ว พระพุทธศาสนาเป็นมรดกตกทอดอันล้ำค่าของพุทธศาสนิกชนคนไทย สำหรับผู้มีอำนาจ หากไม่สามารถแก้ไขเรื่องนี้ได้ 

 

 

ทั้งนี้ ภายหลังจากมีการแผยแพร่พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช การแต่งตั้ง "พระเล็ก" ให้ดำรงตำแหน่ง เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) ซึ่งก่อนหน้านี้มีชาวพุทธทั้งคณะสงฆ์สายวัดป่าและคฤหัสถ์ ออกมาคัดค้าน พร้อมกับการถวายฎีกาต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ยังไร้วี่แววในการหาข้อยุติ ทำให้พระครูโสภณธรรมอุดม เจ้าคณะอำเภอห้วยเม็ก (ธ) ประกาศลาออกจากเจ้าคณะอำเภอ พร้อมกับระบายความอัดอั้นในใจ ดังนี้    

 

"เจตนาที่ขอลาออก” กระผม/อาตมา พระครูโสภณธรรมอุดม ในส่วนตัวไม่รู้จักกับท่าน พระครูสุทธิญาณโสภณ หรือท่านพระอาจารย์เล็ก ว่าที่เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ)เลย ฉะนั้น จึงไม่มีข้อครหาใด ๆ ซึ่งกันและกัน เพียงแต่รู้สึกว่า 30 ปีที่อยู่ในแวดวงพระสังฆาธิการนั้น การปกครองการบริหารจัดการคณะสงฆ์ไม่เป็นไปตามกฏหมาย บทบัญญัติ กฏมหาเถรสมาคม    บทลงโทษที่นำมาใช้กับผู้ใต้บังคับบัญชา กลับใช้อำนาจโดยฝ่ายเดียว ไม่ได้ใช้ตามข้อกำหนดกฏเกณฑ์ที่วางไว้เลย ดังนั้น ผม/อาตมา พระครูโสภณธรรมอุดม เจ้าคณะอำเภอห้วย(ธ) จ.กาฬสินธุ์ จึงขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอห้วยเม็ก(ธ) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป กรรมใดที่ผม/อาตมา ได้ล่วงเกินท่านทั้งหลาย ด้วย กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ด้วยความรู้ก็ดี ด้วยความไม่รู้ก็ดี ด้วยความมีสติก็ดี ด้วยความไม่มีสติก็ดี ขอท่านทั้งจงงดซึ่งกรรมนั้น เฉกเช่นเดียวกัน ผม/อาตมา ก็ขออโหสิกรรมแก่ทุก ๆ ท่านเช่นกัน #คุณธรรมสร้างชาติศาสนาสร้างใจประเทศไทยถึงจะไปรอด ต้องจับตาต่อไปว่า จะมีการประกาศลาออกจากพระสังฆาธิการ ตามประกาศก่อนหน้านี้อีกหรือไม่??"

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ