ข่าว

"กรมศุลฯ" ยึดซิลิโคนปูพื้นยัดไส้ "ไอซ์" เกือบตัน ส่งลงเรือปลายทาง "ไต้หวัน"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"กรมศุลกากร" ยึด "ไอซ์" หนักเกือบตัน ซุกซ่อนในแผ่นซิลิโคนปูพื้น หลังมีข้อมูลแจ้งว่า มีเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติใช้ช่องทางท่าเรือกรุงเทพฯ ปส. เตรียมขยายผลเพิ่ม

4 ธ.ค.2564  นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ปปส. ,บก.ปส  ,ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงการตรวจยึดจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 897 กิโลกรัม มูลค่า 538 ล้านบาท ที่ ศูนย์เอกซเรย์และเทคโนโลยีศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ

"กรมศุลฯ" ยึดซิลิโคนปูพื้นยัดไส้ "ไอซ์" เกือบตัน ส่งลงเรือปลายทาง "ไต้หวัน"

 

นายพชร เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ กองสืบสวนและปราบปราม หลังมีข้อมูลแจ้งว่า มีเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติที่มีคนไทยร่วมกับชาวไต้หวัน ใช้ช่องทางท่าเรือกรุงเทพมหานคร ลักลอบนำยาเสพติดส่งไปยังไต้หวัน จึงได้ทำการตรวจเอ็กซเรย์พบการขนสินค้าต้องสงสัยบรรจุอยู่ในลังกระดาษ จำนวน 24 กล่อง เมื่อเปิดดูพบภายในเป็นซิลิโคนสำหรับปูพื้น จำนวน 161 แผ่น แต่ละแผ่นมีขนาดและน้ำหนักไม่เท่ากัน เมื่อผ่าดูภายในพบว่ามี ไอซ์ ซุกซ่อนอยู่ น้ำหนักรวม 897 กิโลกรัม มูลค่า 538,200,000 บาท โดยผู้นำส่ง ได้ส่งเป็นลังกระดาษมาบรรจุใส่ตู้คอนเทนเนอร์ที่ท่าเรือ เมื่อเจ้าหน้าที่พบความผิดปกติจึงได้สุ่มตรวจและพบยาเสพติดอยู่ภายใน

 

"กรมศุลฯ" ยึดซิลิโคนปูพื้นยัดไส้ "ไอซ์" เกือบตัน ส่งลงเรือปลายทาง "ไต้หวัน"

 


 

นายพชร เปิดเผยอีกว่า สำหรับการจับกุมครั้งนี้เจ้าหน้าที่พบว่ายาเสพติดที่ซุกซ่อนมากับสินค้าล็อตดังกล่าว ใช้ชื่อในนามนิติบุคคลรายหนึ่งเป็นผู้ส่งสินค้าไปยังประเทศไต้หวัน ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับการตรวจยึดเฮโรอีน กว่า 400 กิโลกรัม ของทางการไต้หวันไปก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล โดยขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติรายนี้ จะใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการขนลำเลียงยาเสพติด หากไอซ์ลอตนี้ไปถึงไต้หวันจะมีราคาสูงถึง 3,000 ล้านบาท หลังจากนี้จะขยายผลติดตามจับกุมผู้ส่งสินค้ามาดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

"กรมศุลฯ" ยึดซิลิโคนปูพื้นยัดไส้ "ไอซ์" เกือบตัน ส่งลงเรือปลายทาง "ไต้หวัน"

 

นายพชร กล่าวอีกว่า ส่วนสถิติการตรวจยึดยาเสพติดของกรมศุลกากร ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2564 จนถึงปัจจุบัน มีทั้งหมด 18 คดี รวมมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาท

 

logoline