ไฟไหม้ "เหมืองบิตคอยน์" กลางเมืองเชียงใหม่ เผาวอด เหลือแค่เถ้าถ่าน

เมื่อเวลา 11.00 น. ของวันที่ 3 ธันวาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในตัวอาคารพาณิชย์ เลขที่ 359 - 359/1 ซึ่งตั้งอยู่ติดกับ ถ.มหิดล (ขาออกซุปเปอร์ไฮเวย์) ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยเบื้องต้นทราบว่าเป็น "เหมืองบิตคอยน์"

 

หลังรับแจ้งจึงเดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเชียงใหม่ , เจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศกิจเทศบาลนคร และเจ้าหน้าที่กู้ภัย นำกำลังพร้อมอุปกรณ์ และรถดับเพลิง เข้าระงับเหตุเพลิงไหม้

 

 

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นครึ่ง มีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากบริเวณชั้น 2 ของตัวอาคาร ทางเจ้าหน้าที่ได้เร่งระดมฉีดน้ำ พร้อมทั้งนำกำลังเข้าไปทำการควบคุมเพลิง ท่ามกลางความแตกตื่นของชาวบ้านในระแวกใกล้เคียง และผู้พบเห็นเหตุการณ์ที่ขับรถผ่านไปมา

 

โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ใช้เวลานานประมาณ 40 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ในวงจำกัด แต่ยังพบว่ามีกลุ่มควันไฟอย่างหนาแน่นลอยออกมาจากบริเวณชั้น 2 ของตัวอาคาร ทำให้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้รถกระเช้า พร้อมกับส่งทีมผจญเพลิงและอุปกรณ์ เข้าสกัดกั้นเพลิงในบริเวณจุดดังกล่าว จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในที่สุด
 

 

จากการตรวจสอบพบว่าภายในตัวอาคารพาณิชย์ดังกล่าว มีทรัพย์สินถูกเพลิงไหม้เสียหายหนัก ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ส่วนภายในตัวอาคารดังกล่าวทราบว่าไม่มีคนอยู่ระหว่างเกิดเหตุ

 

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ประเมินสถานการณ์ จนมั่นใจว่าปลอดภัยแล้ว จึงได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอย่างละเอียด โดยพบว่า ในระหว่างเกิดเหตุนั้น ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตแต่อย่างใด ทั้งนี้ พบทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นชุดเครื่องคอมพิวเตอร์ ที่ใช้ในการขุดบิทคอยน์ จำนวน 72 เครื่อง มูลค่ารวมประมาณ 2 ล้านบาท

 

 

จากการสอบถามผู้อาศัยอาคารใกล้เคียง ทราบว่า เจ้าของห้องที่เกิดไฟไหม้นั้น ได้มีการเช่าไว้ แต่คนเช่าไม่ได้อยู่อาศัย โดยจะมีการเปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า และคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ตลอดเวลา ทราบเพียงว่า อุปกรณ์ที่เปิดทิ้งไว้นั้น เป็นเซิฟเวอร์ และคอมพิวเตอร์ อยู่บริเวณชั้น 2 ของตัวอาคาร

 

โดยก่อนเกิดเหตุได้มีชาวบ้านฝั่งตรงข้าม พบเห็นกลุ่มควันลอยออกมาจากหน้าต่างชั้น 2 ของอาคาร จากนั้นกลุ่มควันเริ่มมีปริมาณมาก และหนาขึ้น ดังนั้น จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาช่วยระงับเหตุ

 

 

 

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสาเหตุที่แน่ชัด และความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ยังอยู่ในระหว่างหารตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง โดยจะได้มีการสอบสวนกับทางเจ้าของอาคารและผู้เช่าอาคารต่อไป