ข่าว

ร้อง "จตช." ขอความเป็นธรรมคดี เงิน 41 ล้าน "มูลนิธิส่งเสริมพุทธศาสนาฯ"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จำเลย คดีร่วมกันเบียดบังเงิน 41 ล้าน มูลนิธิส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย หอบหลักฐาน ร้อง "จตช." ขอความเป็นธรรม สอบการทำงาน พนักงานสอบสวนในคดี หลังไม่ได้รับความเป็นธรรมในชั้นสอบสวน

3 ธ.ค.2564  นางสาวทัศนีย์ ลิ้มเจริญธัญญะผล   พร้อมด้วย นายชณุนาท ณัฐภัทรกุล  ทนายความ นำเอกสารหลักฐานส่งมอบให้ตำรวจเวรอำนวยการ ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  เพื่อขอให้ พลตำรวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.)  สอบสวนข้อเท็จจริงเนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง ในคดีที่ ตกเป็นจำเลยร่วมกับพวกอีก 7 คน ที่ถูกกล่าวหาโดย พระครูปลัดสุชาติ ฐานจาโร ประธานมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษว่า ร่วมกันเบียดบังเอาเงินจำนวน 41 ล้านบาท ของประธานมูลนิธิศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยไป  เป็นความผิด ฐานร่วมกันลักทรัพย์หรือร่วมกันรับของโจร , ร่วมกันปลอม และใช้เอกสารสิทธิปลอม และเป็นผู้ผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติ หรือละเวันปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต โดยเหตุเกิดเมื่อปี 2559 และคดีความอยู่ในชั้นฎีกาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ

นางสาวทัศนีย์  ระบุว่า คดีนี้ในชั้นสอบสวนพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลลาดกระบัง รับสอบสวนดำเนินคดี โดยไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองชี้แจงพยานหลักฐานข้อเท็จจริงอย่างเป็นธรรม จึงทำให้ตัวเองเสียโอกาสในการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม เมื่อคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล จนกระทั่งศาลมีคำพิพากษาชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ให้จำคุกตัวเอง จำนวน 7 ปี  ส่วนจำเลยร่วมที่เหลือ รับคำพิพากษาแตกต่างกันไป และอยู่ในการสู้คดีชั้นฎีกา เช่นกัน

 

ร้อง "จตช." ขอความเป็นธรรมคดี เงิน 41 ล้าน "มูลนิธิส่งเสริมพุทธศาสนาฯ"

 

นางสาวทัศนีย์ ยอมรับว่า ตั้งแต่การต่อสู้คดีในจุดเริ่มต้นของศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ ซึ่งส่วนตัวไม่รู้กฎหมาย หรือช่องทางในการร้องเรียนการทำงานของพนักงานสอบสวน จึงทำให้จำเป็นต้องใช้โอกาสนี้ขอความเป็นธรรมให้กับตัวเอง แม้ว่าคดีนี้ จะอยู่ในการพิจารณาในชั้นศาลฎีกาของศาลฯ แล้วก็ตาม


 

ขณะที่ นายชณุนาท  ทนายความ อ้างว่า การทำงานของพนักงานสอบสวน รวบรัดคดีและไม่ยอมรับฟังข้อมูลข้อเท็จจริงจากพยานให้รอบด้าน ทั้งที่คดีนี้นางสาวทัศนีย์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการเบียดเบียนทรัพย์ไปเป็นของตัวเอง โดยนางทัศนีย์ เป็นหนึ่งในคนที่รู้จักกับจำเลยร่วมของคดีนี้เท่านั้น จึงทำให้นางทัศนีย์ ไว้ใจปล่อยให้มีการโอนเงินบางส่วนเข้ามาในบัญชีชื่อของตัวเองจริง แต่อ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด

 

เบื้องต้น ตำรวจเวรอำนวยการ รับเรื่องราวร้องทุกข์ไว้สอบสวนดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อส่งต่อให้กับผู้บังคับบัญชาพิจารณาต่อไป

logoline