ข่าว

เปิดใจมือ "จับงูจงอาง" บางพระ กับปฏิบัติการพาจงอางกลับสู่พื้นที่ปลอดภัย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เปิดใจ นิค อสรพิษวิทยา กับภารกิจ จับงูจงอาง เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำบางพระ งูยักษ์ถูกน้ำท่วมบ้าน ออกมาสร้างความหวาดผวาแก่ชาวบ้านที่พบเห็น กับภารกิจพางูสู้บ้านใหม่อย่างปลอดภัย

หลังจากที่มีกระแสข่าว พบงูจงอาง เพศเมียขนาดใหญ่ ออกมาชูคอริมถนนรอบเส้นทางจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำบางพระ สร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้าน

โดยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค ที่ผ่านมา ทีมอสรพิษวิทยา ลงพื้นที่อ่างเก็บน้ำบางพระ เพื่อศึกษาพฤติกรรมของงูจงอาง ตัวดังกล่าว ซึ่งจากการสังเกตพบว่า งูจงอางดังกล่าว ไม่ได้มีพฤติกรรมที่จะทำร้ายคนแต่อย่างใด ขณะดียวกันงูอยู่ในเขตอนุรักษ์ และได้ประสานงานร่วมกับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำบางพระ และอบต.บางพระ และตัดสินใจว่าจะไม่จับ ยิ่งมีประเด็นความเห็นต่างทางสังคม ยิ่งไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว 

นายนิรุทธ์ ชมงาม ประธานกลุ่มอสรพิษวิทยา (นิค อสรพิษวิทยา) เปิดเผยกับทีมข่าวคมชัดลึกออนไลน์ว่า การปฏิบัติการดังกล่าว เรื่องความยากในการจับงูจงอางที่บางพระ ข้อจำกัดอยู่ที่ พื้นที่ที่เป็นป่ารกมาก แต่ด้วยพฤติกรรมของงูตัวดังกล่าวมีความคาดเดาได้ง่าย เนื่องจากงูตัวนี้จะออกมาทุกวัน แต่ยังคงมีความเสี่ยงเพราะถึงแม้งูจะดูไม่มีพิษภัย แต่ถ้าเค้ารู้สึกว่าถูกคุกคาม เค้าจะป้องกันตัวเต็มที่ และด้วยพื้นที่มีความรกการเคลื่อนที่ของเจ้าหน้าที่จึงลำบาก และด้วยขนาดของงูมีความใหญ่ และยาว ในการที่จะโจมตี ถ้างูจะป้องกันตัวขึ้นมา อาจเกิดอันตรายต่อเจ้าหน้าที่

เปิดใจมือ "จับงูจงอาง" บางพระ กับปฏิบัติการพาจงอางกลับสู่พื้นที่ปลอดภัย

สำหรับขนาดของงูจงอางบางพระ เป็นงูเพศเมีย ขนาด 4.01 เมตร ถือว่ายังไม่ใช่งูที่ใหญ่ที่สุดที่เคยจับมา โดยขนาดที่ใหญ่ที่สุดที่เคยจับคือ ความยาว 4.60 ม

สำหรับพฤติกรรมที่งูจงอาง ที่ออกมาชูคอริมถนน นิคอสรพิษวิทยา บอกกับทีมข่าวว่า ไม่ใช่พฤติกรรมปกติของ งูจงอางทั่วไป เพราะโดยทั่วไปแล้ว งูจงอาง จะไม่ค่อยอยากยุ่งกับคน การที่ออกมาแบบนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสงสัยว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร ซึ่งจากการสันนิษฐานถึงสาเหตุว่าทำไมงูจงอาง ตัวนี้ถึงออกมาชูคอริมถนน มีหลายสาเหตุตั้งแต่ปัญหาด้านสุขภาพมีการป่วยหรือไม่ หรือเกี่ยวข้องกับฤดูผสมพันธุ์ และอีกกรณีคือบริเวณที่อยู่อาศัยถูกน้ำท่วมจนจำกัดบริเวณในการอยู่อาศัย ซึ่งอาจมีความพยายามที่จะข้ามฝั่งถนนเพื่อกลับเข้าสู่ภูเขา เนื่องจากงูจงอางเป็นงูที่มีการเคลื่อนที่ไปตามฤดูกาลไม่ได้อาศัยอยู่ที่เดียวทั้งปี จึงสันนิษฐานได้ว่าอาจจะอยากกลับขึ้นเขาเนื่องจากมีชาวบ้านเห็นงูตัวดังกล่าวมีการเลื้อยขึ้นบนถนน แต่ไม่กล้าข้ามไปฝั่งตรงข้าม เนื่องจากมีทั้งสุนัข คน และรถ จำนวนมาก

ทั้งนี้การชูคอในลักษณะดังกล่าว เป็นเพียงพฤติกรรมการชูคอเพื่อคอยดู และสำรวจเท่านั้น ไม่ใช่พฤติกรรมที่จะโจมตี หรือทำร้าย
เปิดใจมือ "จับงูจงอาง" บางพระ กับปฏิบัติการพาจงอางกลับสู่พื้นที่ปลอดภัย


ประธานกลุ่มอสรพิษวิทยา กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ปัจจุบันต้องยอมรับว่า มนุษย์กับธรรมชาติใกล้กันมากขึ้น หากมองว่าไปจับเขาทำไม ในเมื่อเค้าอยู่ในบ้านของเขา ถ้าจะอธิบายง่ายๆ ก็เหมือนเพื่อนเราที่กำลังอยู่บ้านที่น้ำกำลังจะท่วมหลังคา เราจะปล่อยให้เขาอยู่ตรงนั้นต่อไปหรือเปล่า เพราะเขากำลังอยู่บ้านเขาเหมือนกัน จริงๆแล้วเราแค่อยากอยู่ในจุดที่ทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ หรืองู แค่ณ จุดนั้นมีความเสี่ยง คืองูตัวนี้มักถูกสุนัขเข้าไปรุมกัด คนบริเวณนั้นบางคนมีความกลัว ซึ่งยอมรับว่า ปฏิบัติการดังกล่าว เกือบจะต้องยุติลงเนื่องจากมีความเห็นต่างในสังคมเกิดขึ้น  

เปิดใจมือ "จับงูจงอาง" บางพระ กับปฏิบัติการพาจงอางกลับสู่พื้นที่ปลอดภัย

จากการทำงานร่วมกันกับ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำบางพระ ซึ่งเป็นหน่วยงานอนุรักษ์ที่ไม่อยากย้ายงูอยู่แล้ว เพราะนี่คือที่ของเขา ตามบริบทที่มันควรจะเป็น แต่การตัดสินใจที่ต้องย้ายเนื่อจาก ต้องเข้าใจว่าบางครั้งงูได้รับบาดเจ็บมา รวมถึงน้ำที่ไล่ขึ้นมาท่วมที่อยู่อาศัย สุนัขก็คอยมารุมกัด ซึ่งอาจจะเกิดเหตุการณ์ที่เขาจะเลื้อยเข้าบ้าน ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายได้ทั้งกับคนและงู วึ่งจากการพิจารณาแล้วเห็นว่า ที่ตรงนั้นมีความเสี่ยงมากกว่า จึงตัดสินใจที่จะย้ายงูไปยังที่ปลอดภัยกว่า ซึ่งปัจจุบันงูจงอางตัวดังกล่าวถูกย้ายไปยังเขาเขียวเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีระบบนิเวศน์ใกล้เคียงกับถิ่นเดิมห่างจากที่เดิมไม่มาก และพื้นที่ดังกล่าวเป็นถิ่นที่อยู่ของงูจงอางตามธรรมชาติอยู่แล้ว

เปิดใจมือ "จับงูจงอาง" บางพระ กับปฏิบัติการพาจงอางกลับสู่พื้นที่ปลอดภัย

logoline