ข่าว

หมอวรงค์ ฟ้องกราวรูด ชัยวุฒิ กับพวก ปมส่งมอบ "โครงการดาวเทียมไทยคม"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หมอวรงค์ ฟ้องกราวรูด ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพร้อมคณะ 30 ราย ข้อหาส่งมอบ "โครงการดาวเทียมไทยคม " ไม่เป็นไปตามสัญญาและมติ ครม. ลั่นเตือนไปหลายรอบแล้ว แต่โดนเมิน

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เดินทางไปที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและคณะรวม 30 ราย ในข้อหาการส่งมอบ "โครงการดาวเทียมไทยคม" ไม่เป็นไปตามสัญญาและมติคณะรัฐมนตรี

 

โดย นพ.วรงค์ กล่าวว่า ที่มาของการฟ้องร้องนายชัยวุฒิ และคณะทำงาน 30 ราย โดยมีประเด็นสำคัญ 5 ข้อคือ

 

1. ฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตและประพฤติมิชอบ มัวแต่ขอแก้ไขมาตรา 112 และสนับสนุนขบวนการล้มล้างการปกครอง พวกเราจึงทำหน้าที่นี้แทนฝ่ายค้าน  

 

2. ในกรณีส่งมอบดาวเทียมดวงที่ 4 และดวงที่ 6 ตนเองเคยเตือนนายชัยวุฒิ ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวง DE และผู้ที่เกี่ยวข้อง กรณีการโอนกรรมสิทธิ์ และการส่งมอบ และมอบทรัพย์สินโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ ที่จะครบกำหนดแล้วตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2564 โดยมีการเตือนแล้วเตือนอีกหลายรอบ แม้แต่ไปพบเพื่อเสนอแนะ แต่จนบัดนี้ไม่ได้รับการเอาใจใส่ ที่จะปกป้องประโยชน์ประเทศชาติ จนนำไปสู่ความเสียหายภายในประเทศ

 

3.การฟ้องร้องนายชัยวุฒิ และคณะรวม 30 ราย ร่วมกันกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยมีพฤติการณ์การกระทำความผิดหลายบท หลายกรรม ต่างวาระกัน 

 

4. สาระสำคัญที่ทำให้ตนเองตัดสินใจฟ้องร้องมี 2 ประเด็นใหญ่คือ

 

4.1 ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาสัมปทานในการส่งมอบทรัพย์สินที่เป็นของรัฐคืน แต่ได้ร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำเป็นขบวนการฉ้อฉลไม่ให้มีการส่งมอบทรัพย์สิน และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ เพื่อดำเนินบริหารจัดการดาวเทียม 

 

 

4.2 ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562ที่มีสาระสำคัญคือ ไม่ควรให้ต่ออายุหรือขยายเวลาสัญญาดำเนินกิจการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ 

 

5.การฟ้องนายชัยวุฒิและคณะมีทั้งสิ้น 30 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ คือจำเลยที่ 1 ถึง จำเลยที่ 5 คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส ปลัดกระทรวง และผู้เกี่ยวข้องอีก 3คน ส่วนกลุ่มเอกชน จำเลยที่ 6 ถึงจำเลยที่ 30 เป็น ผู้แทนนิติบุคคล ได้แก่ บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 6 และบริษัทอินทัช รวมทั้งคุณนายสารัชถ์ รัตนาวะดี คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ และคนอื่นๆ

 

ซึ่งตามจริงแล้วโครงการสัมปทานต้องหมดสัญญาในวันที่ 30 กันยายน 2564 หลังจากนั้นทุกอย่างต้องถูกโอนมาเป็นของรัฐ แต่เท่าที่ทราบ ณ ตอนนี้บริษัทไทยคมยังเข้ามาบริการจัดการอยู่ ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลเรื่องผลประโยชน์ภายในโครงการได้ จึงจำเป็นต้องร้องต่อศาล เพื่อให้ทำการตรวจสอบและดูแลผลประโยชน์ของประเทศ เพราะการกระทำของบริษัทไทยคม ส่งผลต่อความเสียหายของประเทศอย่างมาก โดยตนเองมั่นใจในหลักฐานที่เตรียมมาจะสามารถเอาผิดนายชัยวุฒิได้ เพราะที่ผ่านมาตนเองเคยให้คำแนะนำนายชัยวุฒิหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร จึงตัดสินใจส่งฟ้องนายชัยวุฒิ
 

logoline