ข่าว

ไทยรับมือ "โอไมครอน" ใช้มาตรฐาน GSDP ยกระดับขนส่ง-จัดเก็บยา-วัคซีน 1 ม.ค. 65

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ไทยเตรียมพร้อม ฝ่าคลื่นระลอกใหม่ไวรัสกลายพันธุ์ "โอไมครอน" อย.ประกาศใช้ มาตรฐาน GSDP ในการขนส่ง-จัดเก็บเพื่อรักษาคุณภาพของยาและวัคซีน ภายใต้อุณหภูมิและข้อกำหนดตามมาตรฐานโลก เผย 3 เมกะเทรนด์แนวโน้มของห้องเย็น

ไวรัสโควิดกลายพันธุ์ใหม่ ”โอไมครอน” กำลังสร้างความหวั่นวิตกให้นานาประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยที่กำลังเตรียมจะเปิดประเทศในเดือนมกราคม2565

 

ขณะที่ การวิจัยพัฒนาวัคซีนและเวชภัณฑ์ ยังต้องเดินหน้าคิดค้นไม่หยุดนิ่ง ในสังคมและเศรษฐกิจวิถีใหม่ที่ประเทศไทยต้องอยู่ร่วมกับโควิด-19 สู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มั่นคงปลอดภัยนั้น 
 

ทำให้ประชาชนหลายภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของมาตรฐานการขนส่งและจัดเก็บเวชภัณฑ์และวัคซีน เพื่อรักษาคุณภาพสู่ปลายทางผู้รับและประชาชน

 

คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพ (LogHealth) ผนึกความร่วมมือกับ สมาคมธุรกิจคลังสินค้าไซโล และห้องเย็น จัดงานสัมมนา Loghealth Forum เรื่อง “ยกระดับบริหารจัดการโลจิสติกส์โซ่ความเย็น (Cold Chain) ความท้าทายใหม่ของประเทศไทย” เพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตื่นต้วพัฒนาเพื่อรองรับมาตรฐานกำกับดูแลอุตสาหกรรมโซ่ความเย็น ยาและวัคซีน

โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะประกาศใช้มาตรฐาน GSDP (Good Storage and Distribution Practise)หลักปฏิบัติที่ดีในการกระจายสินค้าเวชภัณฑ์ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป เพื่อชีวิตและสุขภาพของคนไทย โดยสอดคล้องกับระดับมาตรฐานสากล และองค์การอนามัยโลก (WHO)

 

เภสัชกร ดร.สุชาติ จองประเสริฐ ผู้อำนวยการกองยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า จากปัญหาความหลากหลายของข้อมูลผลิตภัณฑ์ ทั้งผู้นำเข้า ผู้ผลิต ผู้กระจายสินค้า ตลอดจนข้อมูลและอุปกรณ์ในระบบโซ่ความเย็น การทำงานของบุคลากรในระบบโซ่ความเย็นที่ยังขาดความรู้ในการจัดเก็บและการขนส่งผลิตภัณฑ์ยาและวัคซีน 

 

ดังนั้น ทางคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงจัดทำมาตรฐานหลักปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจะประกาศใช้ มาตรฐาน GSDP (Good Storage and Distribution Practise) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565 นี้ เพื่อยกระดับการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ 

 

ทั้งนี้ ในภาคเอกชนจะมีมาตรฐานที่ใช้เป็นหลักในการพัฒนาธุรกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด และภาคประชาชนจะได้รับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพและมาตรฐานนำไปสู่เป้าหมายสำคัญในมิติคุณภาพความปลอดภัยของผู้ป่วย

รศ.ดร.ดวงพรรณ กริชชาญชัย หัวหน้าศูนย์การจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทานสุขภาพ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ในภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งมีการกลายพันธุ์ต่อเนื่องมาจนถึงสายพันธุ์ “โอไมครอน”

 

ขณะนี้มีการพบผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์นี้อย่างน้อย 13 ประเทศ ได้แก่ แอฟริกาใต้ บอตสวานา เบลเยียม ฮ่องกง อิสราเอล อังกฤษ เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ออสเตรเลีย แคนาดา สาธารณรัฐเช็ก 


“แม้ผู้ติดเชื้อรวมทั้งหมดอยู่ในหลักร้อย แต่องค์การอนามัยโลกได้เตือนถึงความเสี่ยงต่อการระบาดสูงเนื่องจากแพร่เร็วและอาจติดเชื่อได้ง่าย ดังนั้นมาตรฐาน GSDP ในการรักษาคุณภาพและประสิทธิภาพของวัคซีนภายใต้ข้อกำหนดและระดับอุณหภูมิ จึงยิ่งเป็นเรื่องสำคัญ” รศ.ดร.ดวงพรรณ กล่าว

ไทยรับมือ "โอไมครอน" ใช้มาตรฐาน GSDP ยกระดับขนส่ง-จัดเก็บยา-วัคซีน 1 ม.ค. 65

รศ.ดร.ดวงพรรณ กล่าวอีกว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า ประสิทธิภาพของยา วัคซีนรักษาโรค ตลอดจนอุณหภูมิการเก็บรักษา การขนส่งถึงผู้ป่วย ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องตระหนักถึง ดังนั้นห่วงโซ่อุปทานความเย็น (Cold Chain) จึงจำเป็นต้องพัฒนาประสิทธิภาพตามมาตรฐานของประเทศและหลักสากลของ WHO ด้วย 

 

รศ.ดร.ดวงพรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางมาตรฐาน GSDP (Good Storage and Distribution Practise) ซึ่งกำหนดไว้ในข้อกฎหมาย จะเป็นแนวทางสำหรับใช้ในการจัดส่งผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ ในห่วงโซ่การกระจายจากผู้ผลิต และการเรียกคืนผลิตภัณฑ์ตลอดจนการบริจาค อาทิเช่น ภาชนะบรรจุ บรรจุภัณฑ์และฉลาก ความจุของภาชนะบรรจุ 

 

และบุคลากรของผู้กระจายผลิตภัณฑ์ยา ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ GDPS และต้องมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ด้านอาคารสถานที่และอุปกรณ์ ต้องสะอาด แห้ง และรักษาอุณหภูมิตามกำหนด มีบริเวณแบ่งแยกสำหรับจัดเก็บผลิตภัณฑ์ยา มีป้ายแสดงชัดเจน การควบคุมอุณหภูมิและสภาวะแวดล้อม 

 

โดยจัดทำแผนผังอุณหภูมิ (Temperature Mapping) การจัดเก็บผลิตภัณฑ์ยา ต้องได้รับการออกแบบให้สะอาดมีสุขลักษณะ มีพื้นที่และแสงเพียงพอ จัดจ่ายยาหมุนเวียนตามหลักการ First Expired First Out (FEFO) 
 

 

ส่วน การจัดส่งผลิตภัณฑ์ยา ต้องมีเอกสาร ชื่อและรูปแบบของผลิตภัณฑ์ รุ่นการผลิต วันสิ้นอายุ ปริมาณผลิตภัณฑ์ที่จัดส่ง ชื่อและที่อยู่ตัวแทนจำหน่าย ชื่อและที่อยู่ของผู้รับ สภาวะการจัดเก็บ และจัดให้มีบันทึกว่าจัดส่งไปที่ใด รวมทั้งกำหนดรายละเอียดขั้นตอนวิธีปฏิบัติ การเรียกคืนผลิตภัณฑ์ และประสิทธิภาพการกระจายและขนส่งสินค้า

 

นายณัฐภูมิ เปาวรัตน์ นายกสมาคมธุรกิจคลังสินค้า ไซโล และห้องเย็น กล่าวว่าผู้ประกอบการต้องรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวในการพัฒนาความก้าวหน้าของระบบคลังสินค้า ห้องเย็นและขนส่งเพื่อสุขภาพและความปลอดภัยของประชาชน

 

สำหรับ เมกะเทรนด์แนวโน้มของห้องเย็น (Cold Storage) ในประเทศไทย มี 3 ประการ คือ

1. Robotic & Automation ผู้ให้บริการโลจิสติกส์มีการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์และอัตโนมัติในการดำเนินงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้อง แม่นยำ โดยเฉพาะในวงการอาหารและยาสำคัญมาก เพราะในการจ่ายสินค้าแต่ละครั้ง ผลิตภัณฑ์เดียวกันแต่หากส่งผิดล็อต จะก่อให้เกิดปัญหาทันที

 

2. Data-Driven Business ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล ตรวจสอบย้อนกลับได้ และแสดงบน Dashboard เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงในอนาคตได้ และ

 

3. Pharmaceutical & Healthcare เป็นแนวโน้มสำคัญจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยของไทย และโควิด-19 ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และบริการสาธารณสุขจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้น เช่น Pharma Online, Vaccine at Home, ระบบแพทย์ทางไกล

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ