พร้อมไฟว์ หนุ่มชนกรวยยางลั่นสู้คดี "ชกตำรวจ" ไม่กังวลคดีความวิวาทกัน 2 ฝ่าย

จากกรณี นายสิทธิโชค (สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ขับรถชนกรวยยาง บริเวณทางด่วนท่าเรือ 2 มุ่งหน้าบางนา ทำให้รถได้รับความเสียหาย ก่อนยกพวกขึ้นโรงพัก สน.ทางด่วน 1 เพื่อสอบถามถึงสาเหตุการตั้งกรวยยาง โดยขณะที่ ร.ต.ท.อารัญ ชวานนท์ รองสว.จร.งานศูนย์ควบคุมจราจร ด่วน กก.2 บก.จร. กำลังยืนอธิบายถึงความจำเป็น นายสิทธิโชค เกิดความไม่พอใจ จึงลงมือทำร้าย ร.ต.ท.อารัญ จนได้รับบาดเจ็บ "ชกตำรวจ"

ล่าสุด พลตำรวจตรีจิรสันต์ แก้วแสงเอก โฆษกกองบัญชการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานของพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ ส่วนผู้ก่อเหตุนั้น ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ต.ท.อารัญ ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นสิทธิ์ตามกฎหมายที่สามารถทำได้ 
 

อย่างไรก็ตาม สำหรับบริเวณจุดเกิดเหตุ ที่รถยนต์ของผู้ก่อเหตุได้ขับเฉี่ยวชน เป็นจุดที่มีการวางกรวยยาง เป็นปกติอยู่แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจรบนทางด่วน ในช่วงเวลาเร่งด่วน ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ  พลตำรวจโทสำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เรียกตัว  ร.ต.ท.อารัญ เข้าไปพบ เพื่อสอบถามถึงกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว

ขณะที่นายสิทธิโชค ผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ เพื่อให้ปากคำในกรณีที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังการสอบปากคำแล้วเสร็จ นายสิทธิโชค ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับสื่อมวลชน เพียงพูดสั้นๆ ว่า ตนก็ถูกตำรวจทำร้ายเหมือนกัน และไม่กังวลที่จะต้องมีคดีความกับตำรวจ ซึ่งโดยปกติก็จะใช้เส้นทางดังกล่าวอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยเห็นมีการนำกรวยยาง มาวางบนถนนแต่อย่างใด "ชกตำรวจ" 

ทางด้าน ร.ต.ท.อารัญ ชวานนท์ รองสารวัตรจราจร ปฎิบัติหน้าที่ผู้ช่วยพนักงานสอบสวน สน.ทางด่วน 1 ชี้แจงว่า  การตั้งกรวยยางของตำรวจมีความจำเป็น เพื่อบังคับให้รถที่ขึ้นทางด่วน ให้เหลือ 1 ช่องทางซ้ายสุดในชั่วโมงเร่งด่วน ช่วยให้การจราจรคล่องตัว และเพื่อไม่ให้รถไปตัดกระแสรถทางตรง ซึ่งเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้

อีกทั้งการตั้งกรวยขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ที่มีการประเมินตลอด 24 ชม.ว่าควรจะตั้งกรวยยางหรือยกออกในช่วงเวลาไหน  การเฉี่ยวชนที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงได้แนะนำให้คู่กรณีมาติดต่อกับพนักงานจราจรเพื่อความชัดเจนในช่วงเวลาราชการ แต่กลับกลายเป็นว่าสร้างความไม่พอใจให้กับคู่กรณี จนเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวเข้าทำร้ายร่างกายตนเองขณะที่การเจรจายังไม่แล้วเสร็จ

"ผมยืนยันได้ว่า ไม่ได้เป็นฝ่ายทำร้ายร่างกาย หรือชักอาวุธปืนออกมาตามที่คู่กรณีกล่าวอ้างแต่อย่างใด  โดยในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ทางแพทย์ รพ.ตำรวจ ได้นัดให้ไปติดตามอาการบาดเจ็บบริเวณดั้งจมูก รวมทั้งวางแผนในการถอดเฝือกและใส่เหล็กที่นิ้วก้อย เพื่อไม่ให้ผิดรูปในภายหลัง ส่วนทางคดีทางพนักงานสอบสวน สน.ท่าเรือ อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานทั้งผลการรักษาทางการแพทย์ รวมทั้งกล้องวงจรปิดและหลักฐานอื่นๆ จึงจะสามารถดำเนินการทางกฎหมายต่อไปได้" "ชกตำรวจ"