สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งจเรตำรวจ สอบ "รอง ผกก.สีคิ้ว" กรณีหมายจับ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" ล่องหน หากพบพาดพิงถึงใคร ให้รายงานความคืบหน้าด่วน
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ปฏิบัติราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) มีหนังสือคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เลขที่ 601/2564 ลงวันที่ 24 พ.ย. เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ใจความว่า "รอง ผกก.สีคิ้ว" "เสี่ยโจ้ ปัตตานี"
ด้วยสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับรายงานจากตำรวจภูธรภาค 9 กรณีศาลจังหวัดปัตตานีได้ออกหมายจับ ตามหมายจับที่ 227/2557 ลงวันที่ 9 ต.ค.2557 ให้จับตัวนายสหชัย เจียรเสริมสิน หรือ "เสี่ยโจ้ ปัตตานี" ต้องหาว่ากระทำผิดฐานความผิดเกี่ยวกับเอกสาร ความผิดเกี่ยวกับดวงตราฯ ศาลจังหวัดปัตตานีได้มีหนังสือที่ ศย 309.007/8711-8712 ลงวันที่ 9 ต.ค.2557 ส่งหมายจับให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานีแล้ว
โดยมี พ.ต.ท.ชัชวาล อภิรมย์ชวาล รองผู้กำกับการ ฝ่ายสอบสวน (รอง ผกก.สส.) สถานีตำรวจภูธร (สภ.)สีคิ้ว จ.นครราชสีมา "รอง ผกก.สีคิ้ว" เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา รักษาราชการแทน พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองปัตตานี เป็นผู้รับหนังสือของศาลจังหวัดปัตตานี พร้อมสำเนาหมายจับจากเจ้าหน้าที่ศาล โดยได้ลงลายมือชื่อ และวันที่รับสำเนาหมายจับ ไว้เป็นหลักฐานเมื่อวันที่ 9 ต.ค.2557
โดย พ.ต.ท.ชัชวาล ให้การว่า เมื่อได้รับสำเนาหมายจับแล้ว ไม่ได้เอาเก็บไว้ที่ตัวเอง แต่จำไม่ได้ว่าส่งสำเนาหมายจับให้กับผู้ใด และจากการตรวจสอบสารบบคุมหมายจับปี 2557 ทั้งของ สภ.เมืองปัตตานี และกองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี (กก.ส. ภ.จว.ปัตตานี) ไม่มีหมายจับที่ศาลออกเอง นายสหชัย แต่อย่างใด
และเมื่อตรวจสอบสมุดรับหนังสือแล้ว ไม่พบว่า มีการลงรับหนังสือที่ ศย309.007/8711-8712 ลงวันที่ 9 ต.ค.2557 จากศาลจังหวัดปัตตานีแต่อย่างใด จึงมีกรณีเป็นที่สงสัยว่า พ.ต.ท.ชัชวาล อภิรมย์ชวาล รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจภูธรสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา กระทำผิดวินัย
อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 84 ประกอบกับคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 436/2548 ลงวันที่ 20 มิ.ย.2548 คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 494/2564 ลงวันที่ 1 ต.ค.2564 และบันทึกสั่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงวันที่ 5 ต.ค.2564 ท้ายหนังสือสำนักงานรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (งานบริหาร) ที่ 0001(บร)/332 ลงวันที่ 1 ต.ค.2564 เรื่อง การมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบในงานบริหาร จึงแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวน สืบสวนในเรื่องดังกล่าว ประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้
1.พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ จเรตำรวจ (สบ 8) เป็นประธานกรรมการ
2.พ.ต.อ.เจนกมล คำนวล รองผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 8 สำนักงาน จเรตำรวจ เป็นกรรมการ
3.พ.ต.อ.อภิชา สุขประสงค์ ผู้กำกับการ (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธร จังหวัดปัตตานี เป็นกรรมการ
4.พ.ต.ท.พงษ์ปกรณ์ พิพัฒนสมพร รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการ
5.พ.ต.ท.ระลึก อินทรัศมี รองผู้กำกับการ ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 2 กองตรวจราชการ 9 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการและเลขานุการ
6.พ.ต.ท.พูนศักดิ์ พฤกษวัลต์ สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เป็นกรรมการ
7.พ.ต.ต.สำราญ ขำอ่อน สารวัตร (สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี เป็นกรรมการ
8.ร.ต.อ.วรพัทธ์ เพชรจง รองสารวัตร ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 2 กองตรวจราชการ 9 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นกรรมการ
9.ร.ต.อ.ภัทรชนน เพชรแอน รองสารวัตร ฝ่ายสืบสวนและตรวจราชการ 1 กองตรวจราชการ 8 สำนักงานจเรตำรวจ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการสืบสวนดำเนินการสืบสวนพิจารณาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด
ในกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการสืบสวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2556 ให้แล้วเสร็จ แล้วเสนอสำนวนการสืบสวน มาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
อนึ่ง ถ้าคณะกรรมการสืบสวนเห็นว่ากรณีมีมูลว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจาก
ที่ระบุไว้ในคำสั่งนี้ หรือกรณีที่การสืบสวนพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่น และคณะกรรมการสืบสวนพิจารณาในเบื้องตันแล้วเห็นว่าข้าราชการตำรวจผู้นั้นมีส่วนร่วมหรือมีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำในเรื่องที่สืบสวนนั้นอยู่ด้วย ให้ประธานกรรมการรายงานมาโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อรายงานของ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผบช.ภ.9 ฉบับดังกล่าวส่งถึง พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มีความเห็นเสนอต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เนื่องจากกรณีดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนและสื่อมวลชนสนใจและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นอย่างมาก
อีกทั้งมีผู้เกี่ยวข้องอยู่ในหลายหน่วย เห็นควรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนขึ้นแทนการให้หน่วยต้นสังกัดเป็นผู้แต่งตั้ง โดยเสนอให้ใช้กรรมการร่วมจากสำนักงานจเรตำรวจและตำรวจภาค 9 และให้จเรตำรวจ (สบ8) ซึ่งมีตำแหน่งเทียบเท่าผู้บัญชาการเป็นประธานกรรมการ เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในในการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่ง ผบ.ตร.เห็นชอบด้วย จึงเป็นที่มาในการออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติฉบับนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง