ข่าว

หลัง "ลอยกระทง" 5 วัน ยังไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ ยังต้องติดตามใกล้ชิด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สธ. ยันหลังลอยกระทง 5 วัน ไม่พบคลัสเตอร์ ด้านสถานการณ์โควิด-19 ลดลง แต่ต้องจับตาบางพื้นที่และคลัสเตอร์ พร้อมติดตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราครองเตียงหลังเปิดประเทศ ย้ำการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม ร่วมกับยังเข้มใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ จะช่วยให้การเปิดประเทศราบรื่น

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน  กล่าวในการแถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า จากการติดตามสถานการณ์ ยังไม่พบคลัสเตอร์ที่เกี่ยวเนื่องกับงานลอยกระทง อาจเป็นเพราะมีการสื่อสารมาตรการก่อนจัดงาน แต่เพิ่งผ่านมา 5 วัน จึงยังต้องติดตามต่อ หากผ่านไป 7 หรือ 10 วันแล้วไม่เกิดคลัสเตอร์ แสดงว่าประชาชนร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดได้ดี เป็นการสร้างความมั่นใจว่าแม้จะมีการรวมตัวกันจำนวนมาก แต่หากทุกคนมีความระมัดระวัง ไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น เปิดหน้ากาก รับประทานอาหารร่วมกันเป็นเวลานาน ก็จะป้องกันติดเชื้อได้ และมั่นใจได้มากขึ้นในการเปิดประเทศ

หลัง "ลอยกระทง" 5 วัน ยังไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ ยังต้องติดตามใกล้ชิด

สำหรับสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ประเทศไทยพบผู้ป่วยรักษาหาย 7,318 ราย สูงกว่าผู้ติดเชื้อใหม่ที่พบ 5,857 ราย เสียชีวิต 55 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบและใส่เครื่องช่วยหายใจลดลงต่อเนื่อง จุดสำคัญในการติดตามสถานการณ์เมื่อฉีดวัคซีนทั่วถึง คือ จำนวนเตียงและอัตราการครองเตียง ซึ่งข้อมูลถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน มีผู้เข้ารับการรักษา 69,588 ราย จำนวนเตียงคงเหลือ 132,007 เตียง ระดับเขตสุขภาพ อัตราครองเตียง 33% ส่วน กทม. อัตราครองเตียง 51% หลังการเปิดประเทศต้องติดตามเปลี่ยนแปลงของอัตราการครองเตียงต่อเนื่อง

 

แต่ภาพรวมสถานการณ์การระบาดมีแนวโน้มลดลง ยกเว้นบางพื้นที่ยังพบคลัสเตอร์เพิ่มขึ้นบ้าง ต้องจับตาเป็นพิเศษ โดยคลัสเตอร์ที่พบขณะนี้ มีทั้งโรงงาน/สถานประกอบการ ตลาด งานศพ งานกฐิน และงานแต่ง จึงขอให้ผู้จัดงานเข้มมาตรการป้องกันและใช้เวลาให้กระชับที่สุด หลีกเลี่ยงการพูดคุย เปิดหน้ากาก รับประทานอาหารร่วมกันซึ่งเป็นความเสี่ยง

หลัง "ลอยกระทง" 5 วัน ยังไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ ยังต้องติดตามใกล้ชิด

ส่วนการติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว ข้อมูล 7 วันย้อนหลัง พบผู้ติดเชื้อรวม 44,768 ราย คลัสเตอร์ที่พบแรงงานต่างด้าว คือ โรงงาน/สถานประกอบการ เป็นเมียนมา 10%, แคมป์คนงาน เป็นเมียนมา 38.5% กัมพูชา 30.8% และคลัสเตอร์พิธีกรรมศาสนา เป็นเมียนมา 10%

นอกจากนี้การเปิดประเทศ ตั้งแต่ 1-23 พฤศจิกายน มีผู้เดินทางเข้ามา 94,756 คน เป็นระบบ Test & Go มากที่สุด 73,383 คน ติดเชื้อ 60 คน คิดเป็น 0.08% ระบบแซนด์บ็อกซ์ 17,319 คน ติดเชื้อ 33 คน คิดเป็น 0.19% และระบบกักกัน ทั้ง 7 วัน และ 10 วัน รวม 4,054 คน ติดเชื้อ 33 คน คิดเป็น 0.81% ภาพรวมติดเชื้อ 126 คน คิดเป็น 0.13% ซึ่งถือว่ายังพบน้อย ส่วนที่กังวลว่าเมื่อเดินทางเข้ามาแล้วตรวจ RT-PCR ทันทีอาจเร็วเกินไป ได้ให้คำแนะนำว่าหากมีอาการป่วยหรือสงสัย ให้ตรวจซ้ำด้วย ATK เมื่อเจอผลบวกจะส่งเข้ารับการดูแล แต่ไม่ว่าจะเป็นระบบใดก็ไม่สามารถป้องกันได้ 100% ดังนั้น

สิ่งสำคัญคือการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมที่สุด ร่วมกับมาตรการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ จะช่วยให้เปิดประเทศได้ราบรื่นต่อไป โดยขณะนี้ฉีดวัคซีนโควิด 19 สะสม 89.8 ล้านโดส เป็นเข็มแรก 65.3% ของประชากร และเข็มสอง 55.1% ของประชากร ยังมี 19 จังหวัดที่ฉีดได้ 40-49% อาจเป็นเพราะไม่มีการระบาดใหญ่ ทำให้การระดมฉีดวัคซีนเริ่มช้ากว่าที่อื่น แต่ปัจจุบันวัคซีนได้ส่งไปทุกจังหวัดอย่างทั่วถึงพร้อมฉีดให้กับทุกคนที่ต้องการ ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุมีเพียง 2 จังหวัดที่ยังฉีดไม่ถึง 50% คือ แม่ฮ่องสอน และนครนายก
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ