ข่าว

2 สามีภรรยา ร้องถูก”รถแท็กซี่”มักง่ายเปลี่ยนเลน ชนกระเด็นหวิดดับ

2 สามีภรรยา ร้องถูก”รถแท็กซี่”มักง่ายเปลี่ยนเลน ชนกระเด็นหวิดดับ

23 พ.ย. 2564

สองสามีภรรยาร้องสื่อ ถูก"รถแท็กซี่"มักง่าย เปลี่ยนเลนรับผู้โดยสารกะทันหัน ชนกระเด็นหวิดดับ กล้องวงจรปิดจับภาพชัดเจน แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งใน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากนายกำพล ใจยั่งยืน อายุ 29 ปี และ น.ส.สร้อยฉัตร ธิราชัย อายุ 35 ปี เจ้าหน้าที่เขตดุสิต สองสามีภรรยาว่าได้ถูก"รถแท็กซี่"สีเขียว-เหลือง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน ขับรถเฉี่ยวชนรถ จยย.ของตนขณะขี่รถไปทำงานจนภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะหลบหนีไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 05.00 น.วันที่ 20 พ.ย.64 โดยภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้อย่างชัดเจน
 

นายกำพล กล่าวว่า วันเกิดเหตุตนกับภรรยาขี่รถ จยย.ออกไปทำงานตามปกติเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุบริเวณ ถ.กาญจนาภิเษก มุ่งหน้าบางแค ต.ปลายบาง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี ซึ่งตนขับอยู่บนถนนเลนกลาง มี"รถแท็กซี่"คันคู่กรณีขับอยู่เลนขวานำหน้ารถตน แต่จู่ๆแท็กซี่คันดังกล่าวก็ขับเปลี่ยนเลนกะทันหันปาดหน้ามาเฉี่ยวชนรถ จยย.ของตน จนเสียหลักล้มทำให้ภรรยาที่นั่งซ้อนท้ายมาด้วยกันกระเด็นตกรถหัวฟาดพื้นนอนหมดสติอยู่ที่พื้นถนน โชคดีรถที่วิ่งตามหลังมาเบรครถได้ทันไม่ทับซ้ำ ส่วนตนไถลไปกับรถจยย.ไปชนท้ายรถบรรทุก 6 ล้อที่จอดอยู่จนตัวเข้าไปอยู่ใต้ท้องรถ หลังเกิดเหตุ"รถแท็กซี่"คันดังกล่าวได้จอดดูเหตุการณ์เมื่อเห็นตนกับภรรยานอนแน่นิ่ง จึงรีบขับรถหลบหนีไป 


หลังเกิดเหตุมีพลเมืองดีช่วยกันนำส่ง รพ.บางกรวย โดยตนได้รับบาดเจ็บที่แขนขวากับแขนซ้ายต้องเย็บ 4 เข็ม ส่วนภรรยาได้รับบาดเจ็บที่ศรีษะมีอาการบวมช้ำ แพทย์ต้องทำการสแกนสมองและรอเช็คอาการ นอกจากนี้ที่นิ้วเท้าขวาก็หัก แขนขวาเป็นแผลถลอก ทุกวันนี้ต้องหยุดงานนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านกันเพียงลำพัง 2 คน หลังเกิดเหตุพลเมืองดีได้ส่งภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้ เมื่อดูก็พบว่า"รถแท็กซี่"คันดังกล่าวเห็นผู้โดยสารโบกเรียกอยู่ที่ป้ายรถประจำทางด้านซ้าย จึงได้เลี้ยวเปลี่ยนเลนเพื่อจะไปรับผู้โดยสารอย่างกระทันหัน โดยไม่ได้ดูว่ามีรถ จยย.ของตนวิ่งตามมาจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งตนได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ปลายบาง
 

นายกำพล กล่าวต่ออีกว่า อยากให้คนขับ"รถแท็กซี่"ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะ"รถแท็กซี่"ก็ต้องมีประกันของรถหรือไม่ก็พรบ.รถอยู่แล้ว ในการจ่ายค่ารักษาพยาบาล แต่เขาเลือกที่จะขับหนีไปโดยที่ไม่แม้แต่จะลงมาดูตนกับภรรยาเลยแม้แต่น้อย โชคดีที่วันนั้นตนและภรรยาใส่หมวกกันน๊อคกันทั้ง 2 คนไม่งั่นคงเสียชีวิตไปแล้วเพราะภรรยาหัวกระแทกพื้นอย่างแรง ทุกวันนี้เวลาไปหาก็ต้องออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตาม"รถแท็กซี่"คันดังกล่าว มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป