"โควิด" ระบาดอีกระลอกในยุโรป เกิดจาก "เดลตา" หลัก-ย่อย ไม่ใช่ B.1.640

จากกรณีที่ องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกมาเตือนว่า ยุโรปได้กลายเป็นศูนย์กลางในการแพร่ระบาดของโควิด-19 อีกครั้ง หลังจากที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นทั่วทั้งทวีป ซึ่งคาดว่า อาจเห็นผู้เสียชีวิต 500,000 คน ภายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565 ทำให้หลายประเทศจ่อล็อกดาวน์รอบใหม่ก่อนวันคริสต์มาส

ด้าน ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โพสต์ข้อความชี้แจง หลังจากมีการสอบถามศูนย์จีโนมฯเข้ามาว่า จากการที่องค์การอนามัยโลก ออกมาเตือนเรื่องสถานการณ์โควิดในยุโรป หลังจำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งสูง หวั่นจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกครึ่งล้าน ภายใน 4 เดือนข้างหน้า และจากข่าวที่ว่า 
สหรัฐฯ พบผู้ติดโควิดเพิ่มมากขึ้นในหลายพื้นที่-หวั่นอาจระบาดหนักฤดูหนาวนี้ ประจวบกับเกิดการระบาดของ "B.1.640" ขึ้นในฝรั่งเศสและหลายประเทศในยุโรป จึงเกิดคำถามว่า "B.1.640" เป็นสาเหตุให้เกิดการระบาดครั้งใหม่ในยุโรป และอเมริกาใช่หรือไม่

คำตอบคือ "ไม่ใช่" แต่เป็นการระบาดจากไวรัส "เดลตาสายพันธุ์หลักเดิม" และบรรดา "เดลตาสายพันธุ์ย่อย" อันสืบเนื่องมาจากประชาชนจำนวนหนึ่งไม่ฉีดวัคซีน ไม่สวมหน้ากากอนามัย และไม่เว้นระยะห่างในการเข้าสังคม ส่วนการระบาดของ "B.1.640" นั้น พึ่งพบการระบาดที่ฝรั่งเศสในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนเพียง 24 คน และในอังกฤษ สวิตเซอร์แลนด์ สก็อตแลนด์ เยอรมนี อิตาลี ฯล อีกจำนวนเล็กน้อย เป็นเลขหลักหน่วยเท่านั้น และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของประเทศเหล่านั้น สามารถควบคุมการระบาดไว้ได้สำเร็จ ดูท่าน่าจะสูญพันธุ์ไปในเร็ววันนี้

ทั้งนี้ ในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่พบในยุโรป คิดเป็นสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตราวครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลก ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อิตาลีพบการระบาดของเชื้อไวรัสที่สูงสุดเป็นครั้งแรก

การแพร่ระบาดระลอกใหม่ในยุโรปครั้งนี้ ส่งผลให้รัฐบาลและภาคธุรกิจในหลายประเทศ เกิดความกังวลว่า หากมีการยืดเยื้อต่อไป จะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จนรัฐบาลของบางประเทศ อาทิ เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี, ออสเตรีย และสาธารณรัฐเช็ก กำลังพิจารณาวางแผนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดเพิ่มเติม