ข่าว

"ตำรวจ" หอบหลักฐาน โต้พ่อแม่โจ๋16 หลังร้อง ผบ.ตร. ลูกชายถูกรถทับดับปริศนา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รอง ผบช.ภ.4 ชี้แจงครอบครัวเด็ก 16 ร้องขอความเป็นธรรม คดีลูกชายถูกรถสองแถวทับ ระบุผลชันสูตร ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยล้อรถเหยียบทับ ขณะที่ผลตรวจรถจยย.ไม่พบร่องรอยเฉี่ยวชน

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.4 ในฐานะโฆษก "ตำรวจ" ภูธรภาค4  ได้ชี้แจงถึงกรณีนายเทพกานต์ คุ้มศีรษะ บิดาและมารดาของนายคฑาทรัพย์ (ผู้ตาย) ร้องขอความเป็นธรรมว่า ผู้ตายซึ่งเป็นบุตรชายถูกรถบรรทุกสองแถวทับศรีษะ จนถึงแก่ความตาย แต่พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ไม่ให้ความยุติธรรมโดยการสั่งไม่ฟ้องนั้น ว่า คดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 64 เวลาประมาณ 11.40 น. ขณะที่ร.ต.อ.ชม ชูรัตน์ พนักงานสอบสวนเวรปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุจราจรที่ถนนนิตโย ขาออกจากจังหวัดนครพนม ตรงข้ามทางเข้าบ้านนามูลฮิ้น ต.นาทราย อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม จึงรีบเดินทางไปที่เกิดเหตุ

 

"ตำรวจ" หอบหลักฐาน โต้พ่อแม่โจ๋16 หลังร้อง ผบ.ตร. ลูกชายถูกรถทับดับปริศนา

 

ที่เกิดเหตุเป็นถนน 4 ช่องทาง มีไหล่ทางโดย 2 ช่องทางใช้เดินทางออกจากจังหวัดนครพนม (ช่องทางที่ 1 และ 2) มีเกาะกลางถนนกั้นถัดไปอีก 2 ช่องทาง (ช่องทางที่ 3 และ 4 เป็นทางเข้าจังหวัดนครพนมที่บริเวณไหล่ทางติดกับถนนช่องทางถนนที่ 1 พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มอยู่ ถัดจากรถจักรยานยนต์เล็กน้อยไปทางด้านหน้า พบศพผู้ตายนอนตะแคงซ้าย ที่บริเวณศีรษะมีเลือดจํานวนมาก จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสถานที่เกิดเหตุ
 

 

จากการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ปรากฏดังนี้ 1.รับแจ้งเหตุตามวันเวลาที่ศูนย์วิทยุ 191 ได้รับแจ้งเหตุผู้แจ้งเหตุชื่อนายเกริกเกียรติ (ขอสงวนนามสกุล) ผู้แจ้งขับรถจอดติดสัญญาณไฟแดง อยู่บนช่องทางถนนที่ 2 เห็นผู้ตายจอดอยู่บนไหล่ทาง เพื่อมุ่งหน้าออกจากจังหวัดนครพนม ติดสัญญาณไฟแดงเหมือนกันในช่องทางที่ 1 ไม่มีรถเมื่อสัญญาณไฟเป็นสีเขียว ผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ออกไปบนไหล่ทาง โดยผู้แจ้งขับรถในช่องทางที่ 2 ด้านหลัง เมื่อห่างจากแยกประมาณ 30 ม. เมื่อมาถึงบริเวณจุดที่เกิดเหตุ ผู้แจ้งเห็นผู้ตายขับขี่รถจักรยานยนต์ยกล้อหน้า แล้วรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มลง ผู้ตายนอนตะแคงซ้ายแน่นิ่งไป ผู้แจ้งจึงได้โทรศัพท์แจ้งศูนย์วิทยุ "ตำรวจ191 ปรากฏตามคลิปเสียงจากศูนย์วิทยุ 191 

 

"ตำรวจ" หอบหลักฐาน โต้พ่อแม่โจ๋16 หลังร้อง ผบ.ตร. ลูกชายถูกรถทับดับปริศนา

 

ทั้งนี้ จากการผลตรวจชันสูตรพลิกศพ สอบสวนแพทย์ รพ.นครพนม ผู้ตรวจชันสูตรศพผู้ตาย ให้ความเห็นว่า บาดแผลที่ศีรษะด้านหลังของผู้ตาย เกิดจากการกระแทกกับของแข็งอย่างรุนแรง ลักษณะบาดแผลที่ศีรษะของผู้ตาย ไม่เหมือนกับรอยล้อรถยนต์เหยียบทับเป็นแผล ที่ถูกกดทับด้านหลังของกะโหลกศีรษะกระแทกพื้นแตกละเอียดมากกว่าถูกรถเหยียบกดทับ

 

สอบสวนแพทย์ รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น ผู้ตรวจชันสูตรศพผู้ตาย ให้ความเห็นว่า บาดแผลที่ศีรษะผู้ตายเกิดจากการกระแทกกับของแข็งไม่มีคมอย่างแรง ไม่แน่ชัดว่าเกิดจากถูกล้อรถยนต์กดทับหรือไม่ เนื่องจากไม่มีรอยดอกยางของรถยนต์ที่ศีรษะและใบหน้า
 

ผลตรวจชันสูตรศพทั้งข้อ ทำให้บิดาและมารดาของผู้ตายไม่พอใจ ในผลการชันสูตรศพ พนักงานสอบสวน จึงเสนอให้ส่งภาพศพ ขณะที่ทำการผ่าศพที่ถ่ายโดยแพทย์ของรพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น ไปยังสถาบันนิติเวชสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์กระทรวงยุติธรรม เพื่อมีความเห็น โดยบิดาและมารดาของผู้ตายรับข้อเสนอของพนักงานสอบสวน

 

ต่อมาสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ให้ความเห็นว่ากรณีบาดแผลที่ศีรษะสอดคล้องกับแพทย์ของ รพ.นครพนม และรพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น ไม่พบรอยดอกยางของล้อรถที่ตัวศพ ไม่สามารถยืนยันว่า ศีรษะถูกกดทับด้วยล้อหรือไม่ โดยสถาบันนิติเวช ให้ความเห็นว่า เป็นไปได้มากที่จะเกิดจากการถูกล้อรถยนต์เหยียบที่ศีรษะ เนื่องจากรูปศีรษะแบนไปด้านหนึ่ง และกะโหลกแตกอ้าออกตามแนวประสาน แสดงถึงแรงอย่างมากกดกระทำโดยตรงต่อศีรษะที่อยู่นิ่ง

 

"ตำรวจ" หอบหลักฐาน โต้พ่อแม่โจ๋16 หลังร้อง ผบ.ตร. ลูกชายถูกรถทับดับปริศนา

 

สำหรับผลตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่เกี่ยวข้อง ผลตรวจรถยนต์บรรทุกยี่ห้ออีซูซุหมายเลขทะเบียน 10-1392 นครพนม คันที่พยานแจ้งพ่อแม่ผู้ตายว่าเป็นรถยนต์ที่เหยียบศีรษะผู้ตาย ปรากฏว่า ไม่พบร่องรอยเฉี่ยวชนบุบยุบ ทั้งด้านหน้า ด้านหลัง และด้านข้างซ้ายขวาของรถยนต์ แต่อย่างใด

 

ส่วนผลตรวจรถจักรยานยนต์ คันที่ล้มอยู่ที่เกิดเหตุ เป็นคันที่ผู้ตายขับขี่มาปรากฏว่า บริเวณด้านหน้าและด้านหลังไม่พบร่องรอยเฉี่ยวชนบุบยุบแต่อย่างใด ด้านขวาพบรอยครูดโดยวัตถุแข็งผิวไม่เรียบ ด้านซ้ายที่คุมแฮนด์รถถูกกระแทกหัก

 

โดยพ่อของผู้ตายยืนยันว่า มีนายวิรัตน์ จิตมาตย์ เห็นรถยนต์บรรทุกสองแถว ชนเหยียบทับศีรษะผู้ตาย จึงได้เชิญมาสอบสวนและชี้ที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า นายวิรัตน์ ชี้ว่าเหตุเกิดในช่องทางที่ 1 ซึ่งขัดแย้งขัดกับสถานที่เกิดเหตุที่พบ และจากสถานที่เกิดเหตุ หากเกิดเหตุรถกระบะสองแถว มาชนเหยียบทับศีรษะของผู้ตายจริง รถยนต์กระบะสองแถว ก็ต้องชนและเหยียบรถจักรยานยนต์ก่อนไปเหยียบศีรษะผู้ตาย และหากรถจักรยานยนต์ถูกชนจริง ก็ต้องกระเด็นไปไกลกว่านี้ และต้องมีรอยครูดตามพื้นถนน และมีเศษอุปกรณ์ของรถจักรยานยนต์คู่กรณีตกอยู่อย่างแน่นอน

 

คดีนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวน มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ในข้อหาขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย ต่อมาวันที่ 1 ต.ค. 64 ได้นำสำนวนการสอบสวน ส่งอัยการจังหวัดนครพนม เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ