"สาวแบงก์" โผล่อีกเพียบ แฉกดดันทำยอดจนฉี่เป็นเลือด-แบงก์กรุงศรีแจงปมฉาว

ปม "สาวแบงก์" ยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจกันอย่างต่อเนื่อง กรณี ผู้ใช้ Facebook ชื่อ Pan Chalalai พนักงานธนาคารแห่งหนึ่ง โพสต์ข้อความลงบนโซเชียลมีเดีย โดยมีข้อความเกี่ยวกับการ "ลาออก" เนื่องจากถูกกดดันในระบบการทำงาน จากการรับเป้า "ขายประกัน" ที่มียอดสูงสวนกระแสเศรษฐกิจ จนทำให้พนักงานต้องควักกระเป๋าซื้อประกันกันเอง เพื่อให้ได้ยอดตามเป้าที่ตั้งไว้ ตามที่สื่อเคยได้นำเสนอไปนั้น

ล่าสุดทางธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้ออกหนังสือชี้แจง ในกรณีที่เกิดขึ้น ว่าได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และในเบื้องต้นธนาคารอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยมีข้อความดังนี้

"จากกรณีที่มีการโพสต์ข้อความร้องเรียนบนโซเชียลมีเดีย โดยอดีตพนักงานของธนาคารในเรื่องพนักงานสาขาต้องทำยอดขายประกัน ธนาคารขอชี้แจงว่าได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ในเบื้องต้นธนาคารอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

ธนาคารตระหนักดีว่าพนักงานทุกคนเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าอย่างยิ่งและเป็นพลังในการขับเคลื่อนที่สำคัญขององค์กร

โดยธนาคารมีนโยบายในการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเหมาะสม รวมถึงให้ความสำคัญในการดูแลสภาพแวดล้อมการทำงานของพนักงานมาโดยตลอด"

และหลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาชี้แจงในกรณี ตัวยอดขาย หรือ เป้าขายประกัน ว่าไม่ใช่ตัวกำหนดชี้วัดผลงาน (KPI) ที่จะทำให้เกิดความกดดันพนักงาน จนนำไปสู่การเสนอขายที่ขาดคุณภาพและขาดความรับผิดชอบต่อลูกค้านั้น ทางด้านเพจดัง Drama-addict ก็ได้ออกมานำเสนอในมุมของพนักงานธนาคารชั้นปฏิบัติการ โดยมีข้อความดังนี้

พนักงานแบงค์ท่านนึงฝากมา ประเด็นที่กำลังดราม่ากันครับ

"จ่าคะ ปกติผู้บริหารจะไม่กำหนดเป็นkpi อยู่แล้วค่ะ ผู้บริหารทราบดีว่า ถ้านำมากำหนดเป็นkpi จะผิดกฎของแบงค์ชาติ แต่เค้าจะกดดันทางวาจาค่ะ หากทำไม่ได้ก็จะโดนกดดัน เช่น โยกย้ายไปพื้นที่ห่างไกล หรือพื้นที่ที่ไม่ใช่ภูมิลำเนาของพนักงาน  หรือมีผลต่อการประเมินของพนักงานประจำปี ตรงนี้เค้าอาจได้ในหัวข้องานอื่นที่ได้รับมอบหมายค่ะ ซึ่งการประเมินผลพนักงานจะมีผลต่อการขึ้นเงินเดือนโบนัสหรือการเลื่อนตำแหน่งต่างๆค่ะ

พนักงานแบงค์คือทำงานแบบกดดันกันมากไม่ได้เป้าก็ต้องมาทำงานเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุด ซึ่งปกติวันธรรมดาก็ทำงานล่วงเวลากัน จนถึงหนึ่งถึง1-2ทุ่มกันอยู่แล้ว และไม่เคยได้โอทีเลยค่ะ ผู้บริหารมักจะพูดว่าให้เราเสียสละเพื่อเป้าหมายและเพื่อผลงาน เพราะเรามีบ้านมีรถมีเงินใช้ทุกวันนี้เพราะธนาคาร"

อันนี้อดีตพนักงานแบงค์อีกท่านนึงฝากมา ทำไมดูน่าหดหู่ขนาดนี้

"จ่าคะ เราเป็นอดีตพนักงานแบงก์แห่งหนึ่ง ทำได้ 8 เดือน ขอลาออกเลยค่ะ กดดันหนักมาก เช้าต้องถึงแบงก์ไม่เกิน 7 โมง แบงก์ปิด 15.30 พนักงานได้กลับบ้านจริงๆ 1-2ทุ่มตลอด เวลาพักไม่ต้องพูดถึงสาขาที่เราเคยทำให้เวลา 15 นาที พอแบงค์ปิด ผู้การจะเริ่มถามยอดของแต่ละคน คนที่ไม่มียอดก็จะถูกถามว่าทำไมทำไม่ได้ คนนั้นคนนี้ยังทำได้ เป็นการถามยอดแบบตะโกนถามกันเลย มันเลยถูกเปรียบเทียบและกดดัน วันหยุดไม่ได้หยุดใช้คำว่าขอจิตอาสาเดินตลาดแต่ความจริงคือบังคับทุกคนไปเดินตลาด=หาลูกค้าตามกลุ่มเป้าหมาย ลางานก็ไม่ได้ เคยลาป่วยครั้งหนึ่งโดนด่า เหมือนทำคนตาย ลูกค้าเยอะไปห้องน้ำก็ไม่ได้ ปิดเคาน์เตอร์ 5 นาทีคือโดนคอมเพลนแล้ว จนเราฉี่เป็นเลือดเพราะกั้นฉี่ เราแจ้งสาเหตุลาออกเรื่องสุขภาพเขาบอกว่าใครๆก็เป็น เป็นเรื่องปกติ บางคนเป็นก็ไปฉีดยาเช้า แล้วบ่ายก็มาทำงานต่อ เขายังอยู่ได้เลยทุกวันนี้รู้สึกโชคดีที่ลาออกมามาก ๆ"

นอกจากนี้ทางเพจ Drama-addict ยังได้โพสต์ข้อความแสดงความเห็นใจ ถึงพนักงานธนาคาร ที่กำลังเป็นกระแสในปัจจุบันนี้
"หลังลงโพสเมื่อเช้า พนักงานธนาคารส่งข้อมูลมาอื้อเลย น่าสงสารนะอาชีพนี้ แล้วเหมือนน้ำท่วมปาก ไม่มีช่องทางให้ระบายด้วย น่าออกโหนกระแส"

ซึ่งก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก