รวบแล้ว สาว "18มงกุฎ" หลอกตุ๋นเหยื่อ ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานเเสงอาทิตย์ พบสูญเงินกว่า 10 ล้านบาท ตำรวจตั้งข้อหา "ฉ้อโกง"
ว่าที่ พ.ต.ต.สรัล ยศพลพิเนต สว.กก.1 บก.ปอศ. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. ได้เข้าจับกุม "18มงกุฎ" น.ส.ภัทรวดี (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาธนบุรี ที่ 562/2564 ลง 29 ตุลาคม 2564 ซึ่งต้องหาว่า ใช้เอกสารสิทธิปลอม, "ฉ้อโกง" , นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น โดยจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ผู้ต้องหา "18มงกุฎ" ได้ออกอุบายหลอกลวงผู้เสียหาย โดยอ้างว่ากำลังจะทำการซื้อขายโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แล้วนำไปขายต่อให้กับนายทุน เพื่อเอากำไร โดยได้มีการชักชวนให้ผู้เสียหายร่วมลงทุน เพื่อระดมเงินไปซื้อโรงงานไฟฟ้า ซึ่งจะได้กำไรร้อยละ 20 ของเงินลงทุน โดยได้มีการนำสัญญาจะซื้อจะขายปลอมมาหลอก เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ จนทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ มอบเงินจำนวนกว่า 3 ล้านบาท ให้กับผู้ต้องหาไปเพื่อร่วมลงทุน
ต่อมาผู้เสียหายได้มีการติดตามการซื้อขาย แต่ถูกผู้ต้องหา "18มงกุฎ" บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา กระทั่งเหยื่อได้โทรศัพท์ไปตรวจสอบกับโรงงานไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และบริษัทของนายทุน ตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง แต่พบว่าไม่มีการซื้อขายกิจการ จึงนำเรื่องดังกล่าว แจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย
จนกระทั่งวันที่ 17 พ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปอศ. สืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาได้เดินทางมาที่ ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำกำลังเข้าจับกุม"18มงกุฎ" จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุหลอกลวงผู้เสียหายจริง โดยออกอุบายหลอกลวง และไม่ได้มีการจะซื้อจะขายธุรกิจตามที่อ้างแต่อย่างใด
จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง โดยพบว่า ยังมีหมายจับของศาลแขวงปทุมวัน ที่ 83/2564 ลงวันที่ 9 กันยายน 2564 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน "ฉ้อโกง" และมีบางคดีที่ผู้เสียหายเป็นโจทย์ฟ้องคดีเอง โดยกำลังฟ้องร้องอยู่ในชั้นพิจารณาคดีของศาล ความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งเบาะแสเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ต้องหายังมีพฤติการณ์หลอกเอารหัสบัตรเครดิตของผู้อื่น ไปทำการถอนเงินสดออก ตามสถานที่แลกเงินเถื่อนอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง