ข่าว

"ก้าวไกล" นำแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นนโยบายหาเสียงของพรรค

"ก้าวไกล" นำแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นนโยบายหาเสียงของพรรค

17 พ.ย. 2564

"ก้าวไกล" พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคฯ บอก พร้อมนำแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เป็นนโยบายหาเสียงของพรรค ชี้ การตีตกครั้งนี้ถือเป็นการปิดโอกาสการพูดคุยหาทางออกร่วมกัน

17 พฤศจิกายน 2564 ที่อาคารรัฐสภา พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า"พรรคก้าวไกล" พร้อมด้วย  ศิริกัญญา ตันสกุล , พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค และ "ส.ส.พรรคก้าวไกล" เเถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังที่ประชุมรัฐสภาไม่รับหลักการร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่กลุ่ม Resolution เสนอต่อรัฐสภา พร้อมด้วยการสนับสนุนของประชาชนกว่า 135,247 รายชื่อ

 

พิธา กล่าวว่า เป็นอีกครั้งที่รัฐสภาปิดประตูในการพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่หลายฝ่ายเห็นว่าเป็นปัญหาตลอดมา ทั้งที่ตอนหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2562 แทบจะเป็นฉันทามติของพรรคการเมืองที่เห็นตรงกันว่าจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  สำหรับตนรู้สึกเสียดายโอกาสทองที่จะนำเอาสังคมไทยออกจากความขัดเเย้งจากวิกฤตการเมือง 

 

กว่า 20 ปีที่ผ่านมา เรามีความขัดเเย้งเกิดขึ้น ซึ่งหาก ส.ว.และ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมองเห็นโอกาสตรงนี้ ก็น่าจะสามารถเอาความขัดเเย้งข้างนอกมาคุยกันในสภา เพื่อหาทางออกร่วมกันผ่านคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร วาระ 2-3 และมีการทำประชามติตามขั้นตอน

 

พิธา ย้ำอีกครั้งว่า น่าเสียดายโอกาสนี้เป็นอย่างยิ่ง เสียดายที่ทั้ง ส.ว. เเละรัฐบาลปิดประตูโอกาสที่จะพูดคุยกันอย่างประนีประนอมเพื่อหาฉันทามติ หรือหาทางออกให้กับการเมืองไทย สังคมไทย เเละประเทศไทย 
.

ประเด็นที่จะขอสื่อสารไปถึงประชาชนกว่า 1.3 แสนรายชื่อที่เข้าร่วมเสนอชื่อแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ คือ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ( 16 พ.ย.64 ) กว่า 16 ชม. ไม่ถือว่าศูนย์เปล่า เมื่อวันหนึ่งหากเรามองมาจากอนาคตไม่ว่าจะดีขึ้นหรือแย่ลง ผมคิดว่าการอภิปรายเมื่อวานนี้เป็น Golden Moment ทำให้มีวาระที่เราสามารถถกแถลงอย่างเป็นทางการอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความคิดของผู้คนที่หลากหลายมารวมอยู่ในสภา นับเป็นเรื่องยินดี ซึ่งประชาชนอาจมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยื่นเข้ามาตั้งแต่เเรก และมีอีกส่วนที่เห็นด้วย

 

แต่เชื่อว่ายังมีคนหมู่มากในสังคมไทยที่อยู่ตรงกลางจะได้รับฟังปัญหาของการมีวุฒิสภาที่ไม่มีที่มาจากฐานรากประชาธิปไตย ได้ฟังที่มาของและปัญหาของศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ รวมไปถึงยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่มีคำว่าโรคระบาดอยู่เพียง 3 คำ ซึ่งหากนำมาใช้เป็นกฎหมาย ก็คิดว่าไม่ตอบโจทย์อนาคตของชาติได้ อนาคตของประเทศนี้จะเป็นเพียงอดีตที่ไม่สามารถเอาสามัญสำนึกกลับเข้าสู่การเมืองไทยได้

พิธา กล่าวอีกว่า คิดว่าเมื่อประชาชน ได้ฟังการอภิปรายของทั้งสองฝ่ายแล้ว น่าจะพิพากษาเเละตัดสินใจได้ว่าอะไรควรจะเป็นอนาคตของประเทศนี้ โดย "พรรคก้าวไกล" พร้อมจะนำข้อเสนอของพี่น้องประชาชนไปเป็นนโยบายการเมืองของพรรคในการหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต่อไป เเละหวังว่าจะได้รับเเรงสนับสนุนจากประชาชนที่เชื่อเเละเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้ยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้เข้ามาเพื่อผลักดันแก้ไขให้ความหวังของประชาชนให้เป็นจริงได้
.

ในอนาคตเรากำหนดอะไรไม่ได้  การเมืองจะร้อนเเรงหรือไม่มีหลายปัจจัย แต่จะมีผลสะเทือนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าเเน่นอน ยังไม่สายเกินไปที่ผู้แทนราษฎร จะทำให้ปัญหาของประเทศทุเลาลง ด้วยการนำปัญหาไปถกเถียงกันในสภา เพื่อให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย 
.

ตราบใดที่มีลมหายใจ เราก็ยังมีความหวังที่จะต้องทำความฝันของพี่น้องประชาชนให้เป็นจริงในสักวัน เราต้องเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อทำให้สังคมไทยใกล้กับการเมืองไทยมากขึ้น  หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวทิ้งท้าย


.