ข่าว

"หนุ่มโรงงาน" ติดหนี้หลักล้าน ตัดสินใจ "จี้แบงก์" หอบ 6 แสนหนี สุดท้ายไม่รอด

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำรวจสืบฯภาค 2 โชว์ฝีมือ แกะรอยโจรรวบ "หนุ่มโรงงาน" ควงปืน "จี้แบงก์" หอบเงิน 6 แสนหนี สารภาพหนี้สินติดตัวกว่า 3 ล้าน

จากกรณี เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. ของวันที่ 12 พ.ย.2564 เกิดเหตุคนร้ายเป็นชาย อายุประมาณ 30 ปีเศษ สูงประมาณ 170 ซม. สวมหมวกแก๊ปสีดำและสวมแมสปิดบังใบหน้า ได้ทำทีเข้าไปใช้บริการที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาบ้านเก่า ม.3 ต.บ้านเก่า อ.พานทอง จ.ชลบุรี โดยกดบัตรคิวและเข้ารับบริการตามปกติ เมื่อพบพนักงานธนาคาร คนร้ายได้ยื่นสมุดบัญชีเงินพร้อมแนบจดหมายน้อย เขียนข้อความข่มขู่ว่า “ห้ามคุยกับใคร ในกระเป๋ามีปืนทำตัวปกติ เอาเงินมา 4 ล้าน ถ้าพูดคุยกับใครมีคนตาย ซึ่งคุณเป็นคนแรก เอามาวางบนโต๊ะ” พนักงานธนาคารเกิดความกลัวจึงได้นำเงินในลิ้นชักให้กับคนร้ายไป จำนวน 600,000 บาท โดยคนร้ายได้นำเงินใส่กระเป๋าสะพายเดินออกจากธนาคาร ขึ้นรถจักรยานยนต์แบบผู้หญิงหลบหนีไป   

"หนุ่มโรงงาน" ติดหนี้หลักล้าน ตัดสินใจ "จี้แบงก์" หอบ 6 แสนหนี สุดท้ายไม่รอด

 

ต่อมาเมื่อ เวลาประมาณ 22.00 น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2   นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภ. และพ.ต.อ.ศตวรรษ บุญมี  ผกก.1 บก.ทล. เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงร่วมกันจับกุมตัว นายสุริยา หรือ ยา  อายุ 31 ปี ชาว อ.พานทอง จ.ชลบุรี  ผู้ต้องหา  พร้อมด้วยของกลาง 1.เงินสดที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ จำนวน  595,000 บาท  และ 
2.อาวุธปืน(ปลอม) สีดำ จำนวน  1 กระบอก 

 

โดยกล่าวหาว่า ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธและโดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิดและพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม


จากการสืบสวนคนร้ายที่ก่อเหตุจี้ชิงทรัพย์ธนาคาร ทราบชื่อว่า นายสุริยา ทำงานอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในนิคมอุตสาหกรรม ต.ดอนหัวฬ่อ อ.เมือง จ.ชลบุรี ตำรวจได้ติดตามไปที่โรงงานและบ้านพักแต่ไม่พบตัว จึงตรวจสอบจนทราบว่า นายสุริยา ได้นำเงินสดที่ได้จากการชิงทรัพย์หลบหนี ไปพร้อมอาวุธปืน และจากการไล่กล้องวงจรปิดพบว่าผู้ต้องหาขึ้นรถตู้โดยสารมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ  และต่อรถยนต์โดยสารจากขนส่งหมอชิต เพื่อเดินทางต่อไปจังหวัดเชียงใหม่

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามผู้ต้องหาไปอย่างกระชันชิด และเกรงว่าผู้ต้องหาอาจเป็นอันตรายแก่ประชาชน และผู้คนสัญจรรถโดยสารประจำทางทั่วไปเนื่องจากเชื่อว่าคนร้ายมีอาวุธปืนติดตัว และเพิ่งก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารหลบหนี จึงได้ร่วมกับตำรวจทางหลวง กก.1 บก.ทล.ในเส้นทางที่ผู้ต้องหามุ่งหน้าหลบหนีให้ช่วยกันสกัดจับ จนสามารถติดตามไปพบตัว นายสุริยา ขณะอยู่บนรถยนต์โดยสารประจำทางสายกรุงเทพ - เชียงใหม่ บริเวณหน้าปั้ม ปตท. ถ.สายเอเชีย ต.ท่าโฉนด อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท

 

"หนุ่มโรงงาน" ติดหนี้หลักล้าน ตัดสินใจ "จี้แบงก์" หอบ 6 แสนหนี สุดท้ายไม่รอด

 

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวขอตรวจค้น พบเงินสดที่ได้มาจากการชิงทรัพย์ จำนวน  595,000 บาท  ที่ตัว นายสุริยา  โดยนายสุริยา ให้การยอมรับว่าเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ สาขาบ้านเก่าจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์ฯ และขยายผลจนนำไปตรวจยึดอาวุธปืน(ปลอม) สีดำ จำนวน  1 กระบอกทิ้งไว้ในถังขยะ ภายในสถานีขนส่งหมอชิต  จตุจักร  กรุงเทพฯ
 

นายสุริยา ให้การว่ามูลเหตุในการก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากติดหนี้บัตรเครดิต บ้าน รถ จำนองที่นา มีหนี้สินจำนวนกว่า 3 ล้านบาท  วางแผนก่อเหตุมาตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.64 โดยผู้ต้องหาไปดูลาดเลาที่ธนาคารมาก่อนหน้าแล้ว  4 แห่ง ก่อนลงมือกระทำความผิด โดยนายสุริยารับว่า เขียนจดหมายน้อย ยื่นให้พนักงานธนาคาร เนื่องจากไม่ต้องการให้คนมาใช้บริการธนาคารแตกตื่น

 

"หนุ่มโรงงาน" ติดหนี้หลักล้าน ตัดสินใจ "จี้แบงก์" หอบ 6 แสนหนี สุดท้ายไม่รอด

 

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.ภ.2  กล่าวว่า คดีนี้เป็นคดีอุกอาจ คนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารโดยมีอาวุธปืนซึ่งภายในมีประชาชนหลายคนกำลังใช้บริการ   โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถสืบสวนหาตัวคนร้ายได้รวดเร็ว จากกล้องวงจรปิดตามโครงการ สมารท์ เซฟตี้โซน 4.0  ( smart safety zone 4.0 ) เป็นนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.และพล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.ภ.2  จึงจัดกำลังตำรวจ บก.สส.ภ.2 จำนวนหลายชุดออกติดตามคนร้าย พร้อมบูรณาการตำรวจทางหลวงเนื่องจากคนร้ายมีพฤติกรรมเป็นอันตรายแก่ประชาชน และผู้คนสัญจรรถโดยสารประจำทางทั่วไปเพราะคนร้ายมีอาวุธปืนติดตัว และเพิ่งก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารหลบหนี 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ