ข่าว

อสส.สั่งฟ้องผกก.โจ้-พวก ทุกข้อหา โทษหนักประหารสถานเดียว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องผู้กำกับ โจ้ พร้อมพวกรวม 7 คน ทั้ง 4 ข้อหา โดยโทษที่จะได้รับนั้นหนักถึงประหารชีวิตสถานเดียว

ความคืบหน้าคดี "ผู้กำกับโจ้" พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีตผู้กำกับ สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมลูกน้องรวม 7 คน ใช้ถุงดำคลุมหัว นายจิระพงศ์ หรือมาวิน ธนะพฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนขาดอากาศเสียชีวิต ล่าสุดวันนี้ นายอภิชัย ยอดครุฑ อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานคดีศาลสูง รักษาการในตำแหน่งรองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอัยการสูงสุด ได้ลงนามบันทึกข้อความถึงอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ระบุว่า

ด้วยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่งสำนวนการสอบสวนคดีอาญาที่ 7/2564 ของกองบังคับการปราบปราม พร้อมสำนวนชันสูตรพลิกศพที่ ช.409/2564 ของสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ และสำนวนการไต่สวนการตายของศาลจังหวัดนครสวรรค์ คดีฆาตกรรม ซึ่ง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล กับพวกรวม 7 คน ผู้ต้องหา เป็นเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ร่วมกันฆ่า นายจีระพงศ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ ผู้ตาย ไปให้อัยการสูงสุดพิจารณามีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 วรรคท้าย

อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว มีคำสั่งดังนี้

1.สั่งฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผู้ต้องหาที่ 1 , พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง ผู้ต้องหาที่ 2 , ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค ผู้ต้องหาที่ 3 , ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา ผู้ต้องหาที่ 4 , ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว ผู้ต้องหาที่ 5 , ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น ผู้ต้องหาที่ 6 และ ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว ผู้ต้องหาที่ 7 ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด  หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต  เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่  หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต  ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย  ร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2523 มาตรา 172 , ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 , 288 , 289 (5) , 309 วรรค 2 ประกอบมาตรา 83 , 90 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2502 มาตรา 13 , พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 26) พ.ศ.2560 มาตรา 4 , 7

2.ของกลางตามบัญชีของกลางคดีอาญา ลำดับที่ 3/2564 ลำดับที่ 1-3 ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดหรือทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิด และต้องใช้เป็นพยานหลักฐานในชั้นศาล ให้พนักงานสอบสวนจัดการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 85 เมื่อคดีเสร็จแล้ว ส่วนของกลางตามบัญชีของกลางอาญา ลำดับที่ 3/2563 ลำดับที่ 1-9 ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดหรือทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิด ให้พนักงานสอบสวนจัดการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 84

3.ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ต้องหาที่ 1-7 ใหม่ ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่  หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด  หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 โดยให้มีทนายความ บุคคลที่ผู้ต้องหาร้องขอ และพนักงานอัยการเข้าร่วมดำเนินการ  และให้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการทำสำนวนการสอบสวนร่วมกันระหว่างพนักงานสอบสวนกับพนักงานอัยการ พ.ศ.2553 ให้ถูกต้องครบถ้วนก่อนยื่นฟ้อง

4.ยื่นฟ้องผู้ต้องหาทั้งเจ็ดตามข้อหาที่อัยการสูงสุดสั่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

5.มอบสำนวนเพื่อให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตดำเนินการต่อไปจนแล้วเสร็จ

ทั้งนี้ในท้ายบันทึกข้อความยังระบุให้รายงานกลับไปยังอัยการสูงสุด เมื่อได้รับสำนวนการสอบสวนและการไต่สวนที่เกี่ยวข้องกลับไปดำเนินการต่อแล้ว โดยข้อกล่าวหาที่ผู้กำกับโจ้และพวกถูกดำเนินคดีนั้น มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ