
ศาลฎีกาพิจารณานัดแรกคดีจริยธรรม "3 ส.ส.ภูมิใจไทย" ปมเสียบบัตรแทนกัน
ศาลฎีกาพิจารณานัดแรกคดีจริยธรรม "3 ส.ส.ภูมิใจไทย" ปมเสียบบัตรแทนกัน ยกคำร้อง ฉลอง - ภูมิศิษฏ์ ขอคัดค้าน ด้าน นาที ยันไม่หวั่น แม้โดนคดีอาญาเดินหน้าลงพื้นที่ต่อเนื่อง
ที่ศาลฎีกาวันนี้ศาลฎีกานัดพิจารณาคดีครั้งแรก ในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ยื่นร้อง นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ นายภูมิศิษฏ์ คงมี ส.ส.พัทลุง พรรคภูมิใจไทย และ นางนาที รัชกิจประการ เมื่อครั้งเป็น ส.ส.พรรคภูมิใจไทย กรณีถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีกรณีเสียบบัตรแทนกันระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท
โดยการพิจารณาวันนี้ นายฉลอง เทอดวีระพงศ์ และนายภูมิศิษฏ์ คงมี ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการพิจารณาคดี ขอให้ศาลงดการพิจารณาคดีไว้ก่อน เนื่องจากคดีนี้ มีคดีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญา ตามกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 172 และส่งเรื่องต่ออัยการสูงสุดแล้ว จึงขอให้ศาลรอคำพิพากษา ในคดีอาญาก่อน
ทั้งนี้ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่า อัยการสูงสุด ยังไม่มีความเห็นคำสั่งฟ้องในคดีอาญาจึงยังไม่เป็นเหตุให้ระงับการพิจารณาการพิจารณาคดีตามที่จำเลยยื่นคำร้องและมีคำสั่งให้ยกคำร้องและนัดตรวจพยานคู่ความ 10 มีนาคม 2565 โดยให้คู่ความยื่นบัญชีพยานและคำขอโต้แย้ง ก่อนวันนัดตรวจพยานหลักฐานอย่างน้อย 14 วัน พร้อมกับคดีของนางนาที รัชกิจประการ
สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ระหว่างวันที่ 8-10 มกราคม 2563 และลงมติวันที่11 มกราคม 2563
โดยกรณีของนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ถูกกล่าวหาว่าระหว่างวันที่ 10 -13 มกราคม 2563 ได้เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2563 ที่จังหวัดพัทลุงแต่กลับปรากฏชื่อนายฉลองลงมติร่างพระราชบัญญัติหลายมาตราในวันที่ 11 มกราคม 2563
ส่วนนายภูมิศิษฏ์ คงมี ถูกกล่าวหาว่าเดินทางไป จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 10 -11 มกราคม 2563 แต่กลับปรากฏชื่อนายภูมิศิษฏ์ แสดงตนและลงมติร่างพระราชบัญญัติในวันที่ 10- 11 มกราคม 2563
ขณะที่นางนาที รัชกิจประการ เมื่อครั้งยังเป็น ส.ส. ถูกกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2563 ข่วงบ่าย นางนาที เดินทางไปต่างประเทศ ระหว่างวันที่ 11 – 15 มกราคม 2563 แต่กลับปรากฏชื่อนางนาที ร่วมแสดงตน และลงมติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวในวันที่ 11 มกราคม จนถึงช่วงบ่าย ทั้งที่ได้เดินทางไปต่างประเทศ
ภายหลังพิจารณาคดีนางนาที ได้ให้ สัมภาษณ์สื่อมวลชนชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าการลงมติในวันดังกล่าว ได้ลงมติด้วยตนเอง แต่เป็นการลงมติก่อนเดินทาง ไปต่างประเทศในช่วงเที่ยงของวันที่ 11 มกราคม แต่ถูกกล่าวหาเพราะเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะลงมติในช่วงเที่ยง ก่อนที่จะเดินทางในช่วงบ่าย เพราะต้องใช้เวลาในการเช็กอิน
นางนาที ชี้แจงว่า เนื่องจากเป็นการเดินทางไปปฎิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ การเช็กอินที่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ไปเช็กอินก่อนล่วงหน้า ไม่ได้เป็นการไปเช็กอินด้วยตนเองจึงมีเวลาเพียงพอที่จะลงมติได้ก่อนเดินทาง
นางนาที ยืนยันว่าคดีนี้ แม้จะถูกฟ้องในคดีอาญา ควบคู่ด้วย แต่ก็ไม่มีความกังวล เพราะจะต่อสู้ด้วยข้อเท็จจริงและเชื่อว่าคดีนี้จะไม่ส่งผลต่อฐานเสียงในพื้นที่ เพราะระหว่างหยุดปฎิบัติหน้าที่ ยังคงลงพื้นที่ดูแลประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายฉลอง เทอดวีระพงศ์ ชี้แจงยอมรับว่า ได้ลงพื้นที่ตามที่ถูกกล่าวหาจริงแต่ระหว่างลงพื้นที่ได้ลืมบัตรแสดงตนไว้ แต่ไม่รู้ว่ามีผู้ใดนำบัตรไปใช้ ในการลงมติแทนหรือไม่
ส่วนจะเป็นการกลั่นแกล้งกันหรือไม่นั้น ยังไม่ขอสรุป แต่ยืนยันว่า ตนเองรู้ข้อกฎหมายว่าหากฝากบัตรไว้ จะมีความผิด และไม่มีความจำเป็นต้องฝากบัตรไว้ เพราะการพิจารณางบประมาณ เสียงฝ่ายรัฐบาลชนะท่วมท้นอยู่แล้วยืนยันว่ากรณีของตน มีหลักฐานกล้องวงจรปิดจากสภาที่จะใช้เป็นหลักฐานในการต่อสู้คดี
เช่นกับนายภูมิศิษฏ์ คงมี ชี้แจงว่า ได้ลืมบัตรไว้ในห้องประชุมเช่นกัน แต่การลงมติวันสุดท้ายตนได้เดินทางกลับมาลงมติด้วยตนเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาคดีคดีในวันนี้ มีชาวบ้านและนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ภาคใต้ได้มามอบช่อดอกไม้เป็นกำลังใจ ให้กับทั้ง3 คนด้วย