แฟนบอลท่าเรือสดุดี" โค้ชโอ่ง"ชี้ลาออกไม่ใช่คำตอบ - สับนักเตะเล่นไม่คุ้ม 

" โค้ชโอ่ง" ดุสิต เฉลิมแสน  ได้ลาออกจากการทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนให้กับ  สโมสรฟุตบอลการท่าเรือ  เอฟซี     ทีมในไทยลีก 1  "รีโว่ ไทยลีก" หลังผ่านการคุมทีม 11  นัด พาทีมเกาะกลุ่ม 1  ใน 10  ของตาราง  โดยการลาออกจากการทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนให้กับ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือ  เอฟซี   เจ้าตัวระบุว่า " เมื่อผลการแข่งขันไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็ขอแสดงความรับผิดชอบด้วยการยุติบทบาท เพื่อให้ผู้บริหารได้พิจารณาผู้ที่มีความเหมาะสม  เข้ามารับหน้าที่ต่อไป" 

ที้งนี้ " โค้ชโอ่ง" มาร่วมงานก่อนเปิดฤดูกาลฟุตบอลรีโว่ ไทยลีก  โดยเป็นการย้ายมาจากราชประชา เอฟซี  ในไทยลีก 2   โดยผลงานของ"โค้ชโอ่ง"  ก่อนมาร่วมงานกับการท่าเรือ  เอฟซี  คือ การพาทีมบีจีปทุม ยูไนเต็ด  ที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากไทยลีก 2 คว้าแชมป์ไทยลีก 1   ในฤดูกาลถัดไป ( 2020/2021)  ซึ่งต่อมา เกิดความเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนบีจี ปทุมยูไนเต็ด

 

" โค้ชโอ่ง" จึงไปรับงานให้กับ ราชประชา เอฟซี  และต่อมาย้ายมาคุมทีมให้กับ การท่าเรือ เอฟซี   สืบต่อจาก   "โค้ชอู๊ด"  สระราวุฒิ ตรีพันธ์ ที่ย้ายไปรับตำแหน่งที่ปรึกษาฝ่ายเทคนิค  ให้กับสโมสร การท่าเรือ  เอฟซี   ทั้งนี้หลังข่าวการประกาศลาออกของ"โค้ชโอ่ง"  เผยแพร่ออกไป ผ่านสื่อสังคมออกไลน์  โดยเฉพาะที่  face book  ของสโมสร  ได้มีแฟนบอลที่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้ 

 

ประเด็นที่น่าสนใจ  แฟนบอลมองว่าการลาออกของ" โค้ชโอ่ง" ไม่ใช่ทางออกที่นจะยุติปัญหาผลงานของทีม แฟนบอลที่ให้การสนับสนุน"สิงห์เจ้าท่า" ส่วนหนึ่ง ระบุว่า  ผลงานของนักฟุตบอลในสนามคือเงื่อนไขส่วนหนึ่ง ที่ทำให้ทีมการท่าเรือ  เอฟซี  ไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่ควรจะเป็น และแสดงความห่วงใยไปถึง " มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานสโมสรการท่าเรือ เอฟซี    เนื่องจากทุ่มเทในทุกๆด้านให้กับสโมสรแห่งนี้

 

" คมชัดลึก" รวบรวมความเห็นที่แฟนบอลนำเสนอดังนี้  

-  ด้วยความเคารพ เปลี่ยนแต่โค้ชแต่ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนนักเตะ ดูรายชื่อแต่ละครั้งที่ลงเตะเหมือนคัดลอกแล้วนำมาวาง ทรงไหนก็ทรงนั้น -

-ตั้งแต่โค้ชอู๊ดแล้ว แกทุ่มเททำดี แต่เหมือนนักเตะค่าเหนื่อยหลายแสน หลายๆคน  เล่นไม่เต็มที่  เอาใครมาทำทีมต่อก็ลำบาก ค่าเหนื่อยแพงกว่าฝีเท้าเยอะ -

-เปลี่ยนอีก 10 โค้ช ก็เป็นแบบนี้ตลอด ปัญหามันอยู่ตรงไหน ก็แก้ตรงนั้น ไม่ใช่บอลแพ้ ไล่แต่โค้ช โครงสร้างทีม มีบ้างหรือเปล่า บอลเล่นแบบนี้ ทรงนี้มากี่ปีแล้ว นักเตะชุดเดิมๆ ก็เล่นแบบเดิมๆ-

-กล้าเปลี่ยนโค้ช แต่ไม่กล้าเปลี่ยนนักเตะ เปลี่ยน10โค้ช ก็นักเตะตัวเดิม-

-เปลี่ยนอีกแล้ว ทำไมไม่เปลี่ยนนักเตะตัวหลักแล้วหาตัวอื่นมาแทนบ้าง หามิติใหม่ๆ กองกลาง กองหลัง เปลี่ยนครับ  ต่างชาติด้วย ตอนนี้ต่างชาติจะเป็นผู้อาวุโสของลีกอยู่แล้ว-

-เปลี่ยนแต่โค้ชเมื่อไหร่จะดีขึ้น ต่อให้เอาโคตรเก่งมาก็เท่านั้น ถ้าไม่เปลี่ยนตัวนักเตะบ้างถ้ากองหลังแน่น กลางกลับหน้ามันจะเล่นง่ายขึ้น ถ้าเขาไม่เก่งจริง  ( โค้ชโอ่ง )  ขึ้นมาปีเดียวคงไม่พาบีจีได้แชมป์หรอก แล้วที่ได้แชมป์เพราะกองหลังมันดี กองกลางกองหน้าเลยเล่นสบาย-

-แมวเลี้ยงมันอิ่มเกินไป มันจะหาหนูไม่เก่ง นักเตะไม่มีใจมากกว่านะเท่าที่ดู บอลมันดันไม่ขึ้น ไม่น่าเกี่ยวกับโค้ช - 

-เปลี่ยนโค้ชจะกี่คน สภาพและทรงบอลก็เหมือนเดิม ถ้า สตาฟยังชุดเดิมๆจากยุคเก่า สไตล์ โค้ชโอ่ง แกก็ไม่ยอมใครอยู่แล้ว ถ้ามายุ่งวุ่นวายกับระบบการทำทีม สำคัญคือ นักเตะ ถ้าหมดสภาพแล้วก็ต้องปล่อย ดองไว้เยอะๆ แบกไว้แบบนี้ เป็นภาระทางการเงินมาดามแป้ง  กรณีซื้อนักเตะมาไว้เยอะๆแล้วดองไม่ได้ใช้งาน แต่ต้องจ่ายเงินเดือน เอาจริงๆนะ พวกคนแนะนำ นี้ได้ค่าคอมมิชชั่น  จากนักเตะด้วยไหม -

 -ทำถูกแล้วครับที่ออก อยู่ไปก็ทำไห้ชื่อเสียงตัวเองดิ่งลง ไม่ได้ผิดที่โค้ช ตอนนี้ปัญหามันอยู่ที่นักเตะล้วนๆ อย่างโค้ชโอ่งทีมต้องการเยอะแยะ เป็นกำลังใจไห้โค้ชโอ่งครับ-

 

อนึ่งผลงานของ" โค้ชโอ่ง"  ดุสิต  เฉลิมแสน  ในการคุมทีมการท่าเรือ เอฟซี 11  นัด ชนะ 4 เสมอ 3 นัด และแพ้ 4   เก็บได้ 15 คะแนนอยู่ในลำดับที่ 8   จาก 16 ทีม ของตาราง 

การท่าเรือ เอฟซี  ในชุดแข่งสีดำ ซึ่งออกไปเยือนนครราชสีมา มาสด้า  เอฟซี และแพ้กลับมาด้วยสกอร์ 3-1 กระทั่งกลายเป็นที่มาในการประกาศลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน การท่าเรือ เอฟซี ของ " โค้ชโอ่ง"  ดุสิต  เฉลิมแสน 

 

ดุสิต เฉลิมแสน อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอน  สโมสรฟุตบอลการท่าเรือ เอฟซี

 

ขอขอบคุณภาพจาก  สโมสรการท่าเรือ เอฟซี