ข่าว

"บัตรทอง" เพิ่มสิทธิการรักษา 4 บริการอำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยและญาติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อัปเดตสิทธิ "บัตรทอง" เพิ่มสิทธิประโยชน์การรักษา 4 บริการรักษาได้ทุกที่ เพิ่มความสะดวกให้แก่ผู้ป่วยและญาติได้เข้าถึงบริการที่สะดวกรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

เฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า แจ้งรายละเอียดการปรับเพิ่มสิทธิการรักษาในระบบ บัตรทอง ใหม่ เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้ารับการรักษาอาการเจ็บป่วยของประชาชน และเพิ่มความสะดวกให้แก่ประชาชน โดยล่าสุด สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) ได้เพิ่มสิทธิการรักษาในระบบบัตรทองทั้ง 4 บริการได้แก่ 

 

1.ประชาชนเจ็บป่วยไปรับบริการกับหมอประจำครอบครัวในหน่วยบริการปฐมภูมิทุกที่ ในระบบบัตรทอง ตามนโยบาย "30 บาทรักษาทุกที่" โดยเป็นการเริ่มที่บริการระดับปฐมภูมิ เบื้องต้นนำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งภาพรวมโครงสร้างของระบบบริการมีความพร้อมที่จะเดินหน้าได้ โดย สธ. และกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะขยายเครือข่ายบริการปฐมภูมิเพื่อรองรับ มีการเชื่อมต่อข้อมูลคลินิกหมอครอบครัวและผู้ป่วยเพิ่มเติม จัดทำระบบตรวจสอบสิทธิผ่านแอพพลิเคชั่น และมีระบบยืนยันตัวตนประชาชนในการรับบริการผ่านบัตรประชาชน โดยประชาชนสามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้แล้วที่โรงพยาบาลที่รับสิทธิอยู่

2.ผู้ป่วยในไม่ต้องกลับไปรับใบส่งตัวที่ผ่านมาผู้ป่วยสิทธิบัตรทองที่เข้ารับการรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล มีส่วนหนึ่งต้องนอนรักษาต่อเนื่องด้วยสาเหตุทางการรักษา ซึ่งในกรณีที่ใบส่งตัวครบกำหนด ในการใช้สิทธิบัตรทองต่อเนื่อง ผู้ป่วยหรือญาติต้องกลับไปยังหน่วยบริการประจำ เพื่อขอใบส่งตัวใหม่ เกิดความไม่สะดวกและเป็นปัญหา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัด ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกดูแลในกรณีนี้ สปสช.ได้ปรับระบบให้ผู้ป่วยในสามารถรักษาต่อเนื่องได้ทันทีตามการวินิจฉัยของแพทย์โดยไม่ต้องใบส่งตัว ใช้เพียงบัตรประชาชนตรวจสอบตัวตนผู้ป่วย ซึ่งจะนำร่องในพื้นที่เขต 9 นครราชสีมา กรุงเทพฯ และปริมณฑล  ส่วนในพื้นที่อื่น ๆ  จะมีการขยายบริการในช่วงต้นปี 2565 

3.โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนได้ทุกที่ ในกรณีที่ตรวจเจอว่าเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นภาวะเจ็บป่วยที่ต้องรับการรักษาโดยเร็ว เพื่อไม่ให้อาการลุกลามและมะเร็งบางชนิดยังเป็นการเพิ่มโอกาสที่จะรักษาให้หายขาดได้ แต่ด้วยขั้นตอนการส่งตัวผู้ป่วยสิทธิบัตรทอง บางครั้งอาจเป็นอุปสรรคทำให้ผู้ป่วยมะเร็งไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้โดยเร็ว โดยผู้ป่วยกลุ่มที่ถูกวินิจฉัยแล้วว่าเป็นมะเร็งจะได้ใบรับรองและประวัติ หรือโค้ดเพื่อเลือกไปรับบริการที่อื่นผ่าน 3 ช่องทาง คือ สายด่วน สปสช.1330 แอพพ์ฯ สปสช. และติดต่อที่หน่วยบริการโดยตรง เฉพาะที่โรงพยาบาลรักษามะเร็งที่มีความพร้อมเข้าร่วม ให้บริการตามโปรโตคอลรักษามะเร็ง บริการระบบสาธารณสุขทางไกล (Telehealth) บริการปรึกษาเภสัชกรทางไกล (Tele pharmacy) และการให้ยาเคมีบำบัดที่บ้าน (Home Chemotherapy) โดยค่าบริการให้ส่งข้อมูลเบิกจ่ายมายัง สปสช. ซึ่งได้มีการออกแบบการบริหารจัดการไว้แล้ว ทั้งนี้สิทธิดังกล่าวเริ่มในโรงพยาบาลที่มีความพร้อมทั่วประเทศได้แล้ว 

 

4.ย้ายหน่วยบริการได้สิทธิทันที ไม่ต้องรอ 15 วัน กรณีดังกล่าวเป็นปัญหาที่ประชาชนเรียกร้องมาเป็นจำนวนมาก โดยพบว่าการย้ายพื้นที่ เขตการรักษาเกิดความติดขัดในการเข้ารับรักษาช่วงของการเปลี่ยนหน่วยบริการที่ตามระบบกำหนดให้ต้องรอ 15 วัน แต่ด้วยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่พัฒนาก้าวหน้า โดยเฉพาะการเชื่อมต่อข้อมูลไปยังหน่วยบริการ ทำให้ สปสช. สามารถปรับระบบแก้ปัญหาช่องว่างนี้ได้ ประชาชนสามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใหม่ได้ทันทีหลังเปลี่ยนหน่วยบริการประจำ รวมถึงกรณีที่ประชาชนเปลี่ยนหน่วยบริการเองผ่านแอปพลิเคชัน สปสช. โดยหน่วยบริการสามารถพิสูจน์สิทธิและเบิกจ่ายค่าบริการผ่านบัตรประชาชนสมาร์ท การ์ด ได้ทันที อย่างไรก็ตามสิทธิดังกล่าวประชาชนสามารถใช้ได้แล้ววันนี้ และหากต้องการย้ายสิทธิ สามารถแจ้งโรงพยาบาลหรือดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันได้เลย 

สอบถามเพิ่มเติม สายด่วน สปสช. 1330

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ