นักศึกษา วปอ. 64 ร่วมกันร้องเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน” ให้กำลังใจ นายกฯ

ในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 64  ที่มีทั้งทหาร ตำรวจ ข้าราชการ พลเรือนภาคเอกชน รวม 288 คน ได้ร่วมกันร้องเพลง “บ้านเกิดเมืองนอน”เพื่อให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

ทั้งนี้ พล.อ ประยุทธ์ กล่าวหลังฟังเพลงจบ ว่า เพลงนี้มีแต่คำว่า เคยๆๆ ขอช่วยกันรักษาชาติบ้านเมือง อย่าให้เสียดินแดนอีกและอย่าให้เป็นแค่อดีต ที่รุ่งเรือง เพราะในเนื้อเพลงมีแต่คำว่าเคยซึ่งการที่ชาติรุ่งเรือง เพราะพระมหากษัตริย์

นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงเพลงว่า ขอให้ทุกคน ฟัง อ่านเนื้อร้อง คิดตาม และนำมาสร้างปัจจุบันให้ประเทศ ประชาชน และทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องมีความเข้มแข็ง มุ่งมั่นในการรักษาแผ่นดินหนึ่งเดียวที่มีอยู่ โดยเฉพาะสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจลืมไป คือ การที่ประเทศไทยยังสามารถรักษาความเป็นอิสระไว้ได้ ไม่เป็นเมืองขึ้นของใคร ด้วยสติปัญญาของพระมหากษัตริย์ในอดีต และประเทศไทยก็ไม่มีความขัดแย้งใด ๆ เกิดขึ้นมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน

โดยนายกรัฐมนตรี ยังระบุอีกว่า ความสำคัญทั้งหมด อยากให้นำมาใช้ขับเคลื่อนตัวเองและสังคม ประเทศไทยจะเกิดความเข้มแข็ง ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันคือความเท่าเทียม ในเรื่องความเป็นธรรมรัฐบาลก็ดูแลความเดือดร้อนของผู้มีรายได้น้อยไปด้วย ซึ่งสิ่งนี้คือความเท่าเทียมและเป็นธรรม จึงขอให้ทำความเข้าใจกับ 2 คำนี้ ว่าเรามีอะไรที่ดีอยู่แล้วในเรื่องของการเป็นประชาธิปไตย

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงการพัฒนาการศึกษา โดยยินดีที่ ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว เท่าที่สภาฯ ให้ความเห็นชอบ ดังนั้นการศึกษาเรียนรู้ จะต้องนำไปใช้ได้จริง ไม่ใช่เพื่อการสอบวัดความรู้ แต่ต้องทำให้เด็กรู้ว่าเรียนไปจะนำสิ่งที่เรียนไปใช้ ไปต่อยอดอย่างไร 

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้ายว่า เรื่องการเมืองต้องเดินไปด้วยกัน และนี้ตัวเองก็ต้องระมัดระวังเรื่องการให้ข่าว ก่อนฝากให้นักศึกษา วปอ. เรื่องการยืนในโรงฉายหนัง ระบุว่าเป็นห่วงคนที่อยากยืน แต่ไม่กล้ายืน จึงอยากขอทุกคนมีความกล้าหาญที่จะยืน พร้อมบอกอีกว่าทุกคนคงเข้าใจ ไม่ได้บังคับกัน

โดยมีรายงานว่า นักเรียนวปอ.รุ่นที่ 64 ประกอบด้วย คนดัง เช่น พลตรีกัณฑ์ชัย ประจวบอารีย์ รองเจ้ากรมสรรพกำลังกลาโหม พลโทชิดชนก นุขฉายา เจ้ากรมยุทธการทหาร พลตรีธีรพงศ์ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา โฆษกกองทัพไทย พลตรีธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน. พลเรือตรีศุภชัย ธนสารสาคร ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือ หน่วยซีล

นายรัชกร นภาพรพิพัฒน์ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา นางนิชา หิรัญบูรณะ ธุวธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและ ภรรยาพลเอกร่มเกล้า ธุวธรรม นายบุญลือ ประเสริฐโสภา ส.ส.ราชบุรี พรรคภูมิใจไทย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ

สถานการณ์การเมืองเป็นที่จับตามองว่าจะมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่หลังจากเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.)ศาลรัฐธรรมนูญได้อ่านคำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครอง โดยมีการถ่ายทอดเนื้อหาคำปราศรัย 3แกนนำราษฎรที่เวทีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 อย่างละเอียด  โดยเฉพาะประเด็นที่แกนนำราษฎรเสนอให้มีการยกเลิกมาตรา 112 ทั้งนี้ศาลรธน.ชี้ด้วยว่า การเสนอให้ยกเลิกแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ย่อมกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ 

การกระทำของ นายอานนท์ นำภา นายภาณุพงศ์ จาดนอก(ไมค์) น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล (รุ้ง) ผู้ถูกร้อง เป็นการชุมนุมปราศรัยเพื่อเสนอข้อเรียกร้องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง 

การกระทำผู้ถูกร้องเป็นการกระทำไม่ถูกต้อง มีการกระทำเป็นขบวนการ บ่อนเซาะทำลายระบอบปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสาม เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง และสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสามและกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกกระทำการต่อไปด้วย