ข่าว

“รศ.ดร.กุลลดา” ออกแถลงการณ์ โวยจุฬาฯ ไม่ปกป้องหลังโดนฟ้อง

“รศ.ดร.กุลลดา” ออกแถลงการณ์ โวยจุฬาฯ ไม่ปกป้องหลังโดนฟ้อง

11 พ.ย. 2564

รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ออกแถลงการณ์ โวยจุฬาฯ ไม่ปกป้องบุคลากร ทั้งที่ทำหน้าที่ด้านวิชาการเพื่อองค์กร หลังถูกฟ้องร้องตกเป็นจำเลยร่วม คดีวิทยานิพนธ์ของ ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ที่โจทก์เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

จากกรณีที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ในฐานะหลานของ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร มอบหมายให้ นายสมผล ตระกูลรุ่ง ทนายความ ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีต่อ นายณัฐพล ใจจริง ผู้แต่งหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ และหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี จำเลยที่ 1, นางกุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำเลยที่ 2, นายชัยธวัช ตุลาธน จำเลยที่ 3, น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ หุ้นส่วนสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน จำเลยที่ 4, นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน จำเลยที่ 5 ในฐานความผิดละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

กรณีดังกล่าว รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาใจความระบุว่า ดิฉันมีความเสียใจที่ต้องตกเป็นจำเลยในคดีที่เกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ของ ณัฐพล ใจจริง คดีนี้แยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนแรกที่เกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ ซึ่งดิฉันมีบทบาทเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา และส่วนที่สอง คือหนังสืออันเป็นผลผลิตของวิทยานิพนธ์  ซึ่งดิฉันไม่มีบทบาทใด ๆ ทั้งสิ้น

 

การดำเนินคดีในส่วนแรก เป็นความท้าทายต่อหลักการของเสรีภาพทางวิชาการ  การฟ้องดำเนินคดีดิฉัน ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นการละเมิดหลักการทั้งสองและย่อมมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อวงการวิชาการในอนาคตด้วย

 

คดีนี้จึงเป็นการต่อสู้เพื่อรักษาหลักการดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทบาทของอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งมีหลักการเป็นสากลว่า ผลผลิตของวิทยานิพนธ์ย่อมเป็นความรับผิดชอบของผู้ทำวิทยานิพนธ์นั้น ซึ่งคณะกรรมการผู้ทรงวุฒิได้ใช้เวลาตรวจสอบวิทยานิพนธ์แล้ว และมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าวิทยานิพนธ์สอบผ่าน และวิทยานิพนธ์ดีมาก เป็นงานวิชาการที่เปิดให้มีการโต้เถียงได้โดยเสรี

หากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีความเป็นสถาบันวิชาการในระดับสากล ก็ควรต้องรับรองหลักการดังกล่าวอันเกิดขึ้นภายในสถาบันของตนด้วย และควรต้องมีบทบาทในการปกป้องดิฉัน ซึ่งทำหน้าที่อันชอบธรรมตามคำสั่งของมหาวิทยาลัย แต่เป็นที่น่าเสียใจว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่ได้ยอมรับ หรือกระทำตามหลักการที่มีความเป็นสากลนี้ และไม่ได้ดำเนินการปกป้องดิฉันในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งทำหน้าที่ตามคำสั่งของมหาวิทยาลัยอย่างที่ควร แต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกลับแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนบทบาทของดิฉันในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาดังกล่าว และในทางตรงกันข้าม ดิฉันกลับได้รับการสนับสนุน กำลังใจ ไมตรีจิต และความช่วยเหลือจากอาจารย์อาวุโสของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แทน 
   

ขณะที่สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกแถลงการณ์เช่นกัน โดยมีเนื้อหากล่าวถึงกรณีที่ รศ.ดร.กุลลดา ถูกสั่งฟ้องร่วมในในกรณีวิทยานิพนธ์ของ ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ว่า ตามที่ปรากฏว่า ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต ได้ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์ “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงครามภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)” ซึ่งในเวลาต่อมาได้ตีพิมพ์ลงในหนังสือ ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ และขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ว่า มีความผิดฐานละเมิด-บิดเบือนข้อเท็จจริง โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 50 ล้านบาท 

 

รวมถึงฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา อดีตอาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าว ทว่ามหาวิทยาลัยกลับตั้งคณะกรรมการสอบสวน โดยปราศจากการคำนึงถึงหลักการด้านเสรีภาพในการแสดงออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเสรีภาพด้านทางวิชาการ ซึ่งเป็นหลักการที่เคารพกันในระดับสากล 

 

สโมสรนิสิตรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงขอแสดงจุดยืนและประณามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่ไม่ปกป้องบุคลากรของมหาวิทยาลัย ไม่ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ ซึ่งทำให้มหาวิทยาลัยที่กล่าวอ้างว่าเป็น “สถาบันการศึกษาชั้นสูง” และระดับ “สากลโลก” เสื่อมเสียไม่เคารพหลักการอันเป็นสากลดังกล่าว

 

ทั้งนี้สโมสรนิสิตฯ ขอเชิญชวนอาจารย์ นิสิต และบุคลากรร่วมให้กำลังใจ ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง และ รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ในช่วงระยะเวลานี้ และขอเรียกร้องไปยังมหาวิทยาลัยให้ส่งเสริมเสรีภาพทางวิชาการ ไม่ว่าจะเป็นเสรีภาพในการอภิรายหรือถกเถียงเชิงวิชาการ รวมถึงเสรีภาพในการตีพิมพ์และเผยแพร่ผลงานวิจัย/ผลงาน/สื่อสิ่งพิมพ์ให้สามารถกระทำได้โดยปราศจากการคุกคาม พร้องย้ำว่าจุฬาฯ ต้องปกป้องเสรีภาพและมาตรฐานทางวิชาการ

 

ด้านกลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณี ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง และ รศ. ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ที่ถูกสั่งฟ้อง โดยระบุว่ากลุ่มเกียมอุดมไม่ก้มหัวให้เผด็จการ ขอแสดงจุดยืนสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้ ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง และ รศ. ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด จากการถูกฟ้องร้องในคดีดังกล่าว และขอประณามนักวิชาการบางคนที่ทำตัวเป็น “ตำรวจความคิด” คอยสอดส่องเซ็นเซอร์ความคิดที่พวกเขาเห็นว่าเป็นสิ่งอันตราย โดยไม่ใช้วิธีการถกเถียงทางวิชาการนำเสนอข้อวิเคราะห์ที่ดีกว่า แต่กลับใช้วิธีวิ่งเต้นเพื่อให้มหาวิทยาลัยใช้อำนาจ “เซ็นเซอร์” วิทยานิพนธ์

 

นอกจากนี้ กลุ่มเกียมอุดมฯ ขอประณามจุฬาฯ “สถาบันการศึกษาชั้นสูง” ที่ระงับวิทยานิพนธ์ “ดีมาก” ฉบับดังกล่าว อีกทั้งยังไม่ปกป้องเสรีภาพทางวิชาการ อันเป็นหลักการพื้นฐานของสถาบันทางวิชาการ 

“รศ.ดร.กุลลดา” ออกแถลงการณ์ โวยจุฬาฯ ไม่ปกป้องหลังโดนฟ้อง