ข่าว

ก้าวต่อก้าว “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” ... คดีที่ต้องจับตา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชื่อ "โจ้ ปัตตานี" อาจไม่คุ้นหูในระยะไม่กี่ปีมานี้ ด้วยเขาหนีคดีออกนอกประเทศ วันนี้ "คมชัดลึก" จะย้อนไปรู้จักเขาแบบก้าวต่อก้าว เพื่อให้รู้ว่า .. ทำไมสังคมต้องจับตาคดีนี้

ปัตตานี” พื้นที่ชายแดนที่มีทั้งกฎอัยการศึก และ พรก.ฉุกเฉิน ถูกนำไปห้อยท้ายเป็น "ฉายานาม" ใคร  ฟันธงได้ว่าเขาคนนั้นต้องไม่ธรรมดา โดยเฉพาะ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” ชื่อนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะเขาผ่านร้อนหนาวมาอย่างยาวนานจน ก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของผู้อยู่เบื้องหลังน้ำมันเถื่อนทั้งประเทศ!! ทั้งยังเกี่ยวพันกับของเถื่อนอีกมากมาย เมื่อมีข่าวว่าเขาถูกจับกลางกรุงเทพมหานคร ทุกสื่อจึงพุ่งความสนใจ แต่ถ้าใครยังไม่รู้จักเขา วันนี้ “คมชัดลึก” มีคำตอบ

“เสี่ยโจ้ ปัตตานี” มีชื่อจริงว่า นายสหชัย เจียรเสริมสิน อายุ 53 ปี เขาเคยมีค่าหัวถึง 1 ล้านบาท จากคดีที่เขาถูกจำคุก 1 ปี 9 เดือน ฐานปลอมแปลงเอกสารราชการ แต่เขากลับหนีออกจากศาลไปอย่างง่ายดาย แล้วข้ามชายแดนไปซ่อนตัวในประเทศมาเลเซีย

เมื่อมองย้อนกลับไป 27 ปีที่แล้ว เขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มจากเพชรบุรี ที่ย้ายภูมิลำเนามาทำธุรกิจแพปลาในจังหวัดปัตตานี ก่อนย่างก้าวแรกสู่เส้นทางสีเทาด้วย โต๊ะพนันฟุตบอล และ หวยเถื่อน ซึ่งเป็นธุรกิจนอกกฎหมายแรก ๆ ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ

และจากธุรกิจแพปลานี้เอง ทำให้เขาได้รู้จักเจ้าของเรือประมงจำนวนมาก ซึ่งแต่ละลำก็ต้องขึ้นคานซ่อมตามอายุใช้งาน  เขาจึงพบช่องทางค้าไม้เพื่อใช้กับเรือ โดยช่วงแรกก็สั่งไม้จากต่างจังหวัดเข้ามาขายในปัตตานี แต่ด้วยความใจกล้า เขาขยายกิจการเป็นธุรกิจร่วมทุน นำเข้าไม้จาก สปป.ลาว มาขายภายใต้ชื่อ หจก.สหทรัพย์ค้าไม้ จุดนี้เองมีคำถามว่า บริษัทแห่งนี้เป็นฉากหน้าของเขาเพื่อฟอกไม้เถื่อนหรือไม่ นี่คือก้าวที่สองของเขา

ก้าวที่สามที่เป็นก้าวสำคัญของเขา นั่นคือการก้าวสู่การค้า น้ำมันเถื่อนข้ามชาติ  ซึ่งเป็นธุรกิจที่ทำเงินได้อย่างมหาศาล  เพราะยิ่งไปกว่าไม้  สิ่งที่เรือประมงทุกลำต้องใช้คือน้ำมัน เขาเริ่มจากดูดเศษน้ำมันเรือประมงและเรือพาณิชย์นำไปขายบนฝั่ง  ก่อนขยับเป็นโบรกเกอร์ขายน้ำมันกลางทะเลให้แก่เรือประมง กระทั่งผู้มีสีคนหนึ่งแนะให้เขาซื้อเรือน้ำมันเป็นของตัวเอง แล้วซื้อน้ำมันจากเรือแท็งเกอร์ในน่านน้ำสากลมาขายให้เรือประมงในทะเลลึก พัฒนาจาก 1 ลำ จนเพิ่มเป็น 50 ลำ ขยายพื้นที่ขายไปถึงกัมพูชา เวียดนามใต้ และอินโดนีเซีย

อีกบริษัทในด้านสว่างของเขาคือ สหทรัพย์อินเตอร์เนชั่นแนล ตั้งอยู่ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็นธุรกิจรับแลกเงินตราต่างประเทศ ด้วยการซื้อขายน้ำมันของเขาต้องใช้ทั้งริงกิตและดอลลาร์สิงคโปร์ ก้าวที่สี่ของเขาจึงเป็นการฟอกเงิน โดยในปี 2555 ตำรวจน้ำตรวจจับเรือโชคนำชัย 2 ของเขาได้ในน่านน้ำสากล พร้อมยึดเงินสดสกุลต่างๆ รวมมูลค่า 58 ล้านบาท และน้ำมัน 2,000 ลิตร ที่สำคัญคือเขาแจ้งว่าเงินของกลางหายไป 1 กล่อง จากนั้นเพียง 2 เดือนต่อมา เรือส่งเสบียงของเขาก็ถูกปล้นในน่านน้ำปัตตานี สูญเงินไป 60 ล้านบาท ซึ่งว่ากันว่าเหตุครั้งนี้เป็นผลจากข้อกล่าวหาเงินของกลางหาย

ต่อมาปี 2556 เรือของเสี่ยโจ้ถูกปล้นนอกชายฝั่งปัตตานีอีกครั้ง ในเรือมีเงินสด 120 ล้านบาท ที่ระบุว่าเป็นของสหทรัพย์อินเตอร์เนชั่นแนล ครั้งนี้ตำรวจกองปราบตามเงินกลับมาได้ ท่ามกลางข้อสงสัยในคำให้การของลูกน้องเสี่ยโจ้ที่ว่า  เรือถูกปล้นขณะไปเกาะโลซิน เพราะเกาะโลซินเป็นเกาะปะการัง ร้าง  ไม่มีคน และอีกครั้งในปี 2557 ที่ทางการบุกตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้และบ้านของเขา พบเงินสดและทองคำแท่งรวมมูลค่านับ 100 ล้านบาท

คดีที่ทำให้ชื่อ “เสี่ยโจ้ ปัตตานี” ดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ คือตรวจยึดบัญชีส่วยที่ยังเผาไม่หมด ขณะที่ DSI สรรพากร กอ.รมน. และตำรวจ สนธิกำลังกันตรวจค้น หจก.สหทรัพย์ทวีค้าไม้ และบ้านของเสี่ยโจ้ เมื่อ 17 ตุลาคม 2555 แต่ตอนนั้นมีฝนตก!! โดยรายการจ่ายที่ลงบัญชีไว้ มีชื่อ หน่วยงาน ตำแหน่ง ไล่จำนวนเงินหลักร้อยไปจนถึงหลักล้าน ขณะที่โทรศัพท์มือถือก็มีชื่อนักการเมืองและข้าราชการหลายคน

เสี่ยโจ้” เป็นข่าวใหญ่อีกครั้งในวันที่ 17 มิถุนายน 2557 เมื่อบริษัทค้าไม้ของเขาถูกค้นด้วยข้อหาเดิม แต่ครั้งนี้เจ้าหน้าที่เจอ “ตราประทับ” เข้าเมืองที่ ตม.ใช้อยู่ในสำนักงานของเขา จนเขาต้องโทษจำคุก 1 ปี 9 เดือน ไม่รอลงอาญา จึงเป็นเหตุให้เขาหลบหนีออกนอกประเทศ โดยมีตำรวจให้ความช่วยเหลือ

เสี่ยโจ้” ยังถูกโยงไปเกี่ยวข้องกับปัญหาความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้  เพราะเขาเคยขายน้ำมันให้คนที่เป็นแนวร่วมขบวนการก่อความไม่สงบ เขาจึงกลายเป็นผู้สนับสนุนไปโดยปริยาย

จากหลายเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามา จึงปรากฎภาพเขาวิ่งเข้าหานักการเมืองคนนั้นคนนี้ ไปจนถึงอดีตนายกรัฐมนตรีคนสำคัญ อยู่ในมือถือของเขาที่ยึดได้  ทั้งยังมีการร้องเรียนในเชิงอ้อนวอนขอพื้นที่ทำธุรกิจ โดยเขายอมรับว่าค้าน้ำมันเถื่อนจริง แต่ทำในน่านน้ำสากลและส่งออกไปต่างประเทศ
 
ต่อไปนี้คดีค้างคาเก่า ๆ ของเขาจะดำเนินต่อไปอย่างไร หลายคดีหมดอายุความไปแล้ว แต่หลายคดีก็ยังอยู่ในกระบวนการ ทั้งชั้นอัยการ และชั้นศาล  คดีเหล่านี้จะสิ้นสุดลงอย่างใด รวมถึงรายชื่อที่ปรากฎอยู่ในบัญชีส่วยของเขา ที่ตอนนั้นมีเพียงตำรวจถูกดำเนินคดี ขณะที่หน่วยงานอื่นหายไปกับสายลมไม่ถูกดำเนินการใด ๆ

การถูกจับกุมครั้งนี้จะทำให้ “เสี่ยโจ้ ปัตตานีต้องก้าวสู่เรือนจำหรือไม่ แล้วเขาจะพาใครก้าวเข้าไปด้วย หรือเขาจะก้าวหนีจากกระบวนการยุติธรรมไปได้อีกครั้ง 

นี่คือสิ่งที่ทุกคนในสังคม “ต้องจับตา”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ