สหรัฐอเมริกา เดินหน้า "บังคับฉีดวัคซีน" ชี้เป็นเรื่องจำเป็นต้องดูแล

หลังจากคำสั่ง "บังคับฉีดวัคซีน" ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ถูกศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางระงับคำสั่งชั่วคราว เป็นเวลา 2 วัน ล่าสุด! ทางทำเนียบขาว ประกาศเดินหน้าต่อ โดยเชื่อมั่นว่า มาตรการดังกล่าวเป็นวิธีป้องกันและดูแลความปลอดภัยประชาชนระหว่างการทำงาน

ด้านรองเลขาธิการสื่อมวลชนของทำเนียบขาว กล่าวว่า เราคิดว่าประชาชนไม่ควรรีรอที่จะฉีดวัคซีน เพราะ มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อความปลอดภัยในที่ทำงาน เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำ การรอให้คนมาฉีดวัคซีนเอง มีแต่จะทำให้เกิดการระบาดและผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ซึ่งการฉีดวัคซีน จะช่วยให้เราก้าวข้ามการระบาดครั้งใหญ่ได้”

มาตรการ "บังคับฉีดวัคซีน" ดังกล่าว สำนักบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ (OSHA) เป็นผู้นำไปบังคับใช้ ซึ่งมาตรการนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า มาตรฐานฉุกเฉินชั่วคราว โดยมีใจความกำหนดให้บริษัทที่มีพนักงานเกิน 100 คน จะต้องจัดพนักงานเข้ารับวัคซีนครบโดสภายในวันที่ 4 ม.ค. 2022

ส่วนพนักงานที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 จะต้องยื่นผลตรวจโควิดที่เป็นลบทุกสัปดาห์ และจะต้องสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่ภายในอาคารสถานที่ทำงานตลอด ตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. เป็นต้นไป

ซึ่งทางกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้มอบอำนาจให้สำนักบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติ (OSHA) ออกมาตรการฉุกเฉินชั่วคราว หากพิจารณาว่าพนักงานเสี่ยงต่อ “ภัยร้ายแรง” ก็จำเป็นต้องใช้กฎระเบียบเข้าควบคุม

“สำนักบริหารฯ มีอำนาจปกป้องพนักงาน ซึ่งคำสั่งนี้มีเพื่อช่วยดูแลประชาชน และหยุดการระบาดของโรคโควิด-19” รองเลขาธิการสื่อมวลชนของทำเนียบขาว กล่าว พร้อมระบุว่ากระทรวงยุติธรรมจะปกป้องกฎนี้ในชั้นศาลอีกด้วย