"น้ำท่วม" กรุงเทพฯ ยังวิกฤต ดร.เสรี ศุภราทิตย์ เตือน 5-9 ธ.ค. สูงถึง 2.60 เมตร

จากกรณีเกิดภาวะ "น้ำท่วม" ฉับพลัน ในพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่จังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ ทำให้หลายชุมนุมนอกเเนวคันกั้นน้ำริมเเม่น้ำเจ้าพระยา และบริเวณจุดกลับรถใต้สะพานหลายแห่ง ถูกน้ำท่วมขังมีระดับสูง จนทำให้รถยนต์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ 

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบหลายพื้นที่ในเช้าวันนี้ (9พ.ย.) พบว่าสถานการณ์ "น้ำท่วม" เริ่มกลับเข้าสู่สถาวะปกติเป็นบางจุด แต่ชาวบ้านยังคงหวาดวิตกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเเบบกะทันหัน โดยไม่มีการเเจ้งเตือนให้เตรียมความพร้อม

และจากข้อมูล กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ รบุว่า ในวันนี้น้ำจะขึ้นสูงสุดที่บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพเรือ เวลา 11.26 นาที สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง 2.23 เซนติเมตร โดยจะมีระดับสูงมากกว่าเมื่อวานนี้ ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.16 เซนติเมตร ส่วนที่บริเวณป้อมพระจุล น้ำหนุนเต็มที่เมื่อ 09.30น.ระดับน้ำอยู่ที่ 2.17 เซนติเมตร "น้ำท่วม" 

ขณะเดียวกัน สภาวิศวกร ได้ลงพื้นที่บริเวณสะพานซังฮี้ จุดที่เกิดน้ำทะลักล้นกระสอบทราย "น้ำท่วม" เพื่อสำรวจและหาแนวทางป้องกันน้ำทะเลหนุน หลังจากน้ำทะเลหนุนสูงกว่า 2.40 เมตร ทำให้เกิดน้ำท่วม และส่งผลกระทบกับประชาชน ทั้งในส่วนของบ้านเรือน และการสัญจรทางถนน 

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร  ระบุว่า กรณีน้ำทะเลหนุนสูง มีเวลาเตรียมตัว เพราะมีสัญญาล่วงหน้ามาเป็นสัปดาห์ ประชาชนควรต้องตื่นตัว ในเรื่องน้ำทะหนุน "น้ำท่วม" เพราะจากนี้ไปไม่ใช่เรื่องไกลตัว

วันนี้จะเป็นสถิติใหม่ เพราะจะทำให้น้ำยกตัวท่วมกรุงเทพชั้นใน โดยระดับน้ำอาจท่วมถึง 3 เมตร กรุงเทพอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำเจ้าพระยา กรุงเทพอยู่ได้ด้วยกำเเพงกั้นเเม่น้ำเจ้าพระยา เเต่ยังมีฟันหล่อ มีรูรั่ว น้ำจะทะลักออกไปตลอดเวลา จนเกิด "น้ำท่วม" ฝั่งธน กรุงเทพ เขื่อนที่มีอยู่ถูกออกเเบบมาหลายสิปปีแล้ว 

ทั้งนี้ จากระดับน้ำที่จะเพิ่มขึ้นสูงสุดในวันนี้ โดยระดับน้ำทะเลสูงสุดทุกปี ประกอบกับน้ำเหนือได้ไหลมาสมทบมากกว่าทุกปี พนังเขื่อนที่ทำอยู่วันนี้ไม่สามารถป้องกันได้ นอกจากนี้ ยังทำให้เขื่อนเกิดความไม่มั่นคง ดินทรุด เขื่อนพัง หากไม่ทำตามข้อเเนะนำ ในอนาคตอาจจะทวีความรุนเเรงเพิ่มมากขึ้น "น้ำท่วม" 

ทางด้าน นายสมควร ต้นจาร ผู้อำนวยสำนักพยากรณ์อากาศ เปิดเผยว่า อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้น้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น คือลมตะวันตกเฉียงใต้ เเละลมตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งได้สวนทางกัน และอิทธิพลที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยเสริม ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นเกินจากที่คาดการณ์  ปัจจัยหลักจากน้ำขึ้นน้ำลง เป็นเเรงดึงดูดของโลก จึงทำให้เกิดน้ำหนุนสูง โดยเฉพาะในช่วงนี้ มีทั้งลมใต้ ลมหนาว ที่พัดสวนกันในบางเวลา จึงทำให้มีการยกตัวของน้ำหอบไปกองรวมกัน "น้ำท่วม" 

ขณะที่ ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำ ระบุว่า อิทธิพลน้ำทะเลหนุนสูงในปี 2554 นั้น พบว่าน้ำเหนือมีปริมาณสูงกว่า จึงทำให้ช่วงเวลาน้ำท่วมทอดเวลายาว แต่ในปีนี้ 2564 มาในช่วงน้ำเกิด คือ ได้รับอิทธิพลจากน้ำทะเล ที่มีระดับขึ้นสูงมาก คาดว่าประมาณเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นในระยะสั้น หลังจาก 10 พ.ย.ไปแล้ว จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น "น้ำท่วม" 

"ช่วง 21-24 พ.ย. น้ำทะเลจะหนุนสูงอีกครั้งหนึ่ง (แต่ระดับอาจจะต่ำกว่า ประมาณ 0.20-0.30 ม.) และคาดว่าจะหนุนสูงสุดในปีนี้ (สูงกว่าวันนี้ประมาณ 0.10-0.20 ม. ) ในช่วงวันที่ 5-9 ธ.ค. ดังนั้น จึงต้องเฝ้าระวัง" ดร.เสรี กล่าว "น้ำท่วม"