ข่าว

เพื่อไทยอ่วม เรืองไกร ร้องกกต.ยุบพรรค ศรีสุวรรณ ให้ถ้อยคำปมคลิปร้อนทักษิณ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เพื่อไทยอ่วม "เรืองไกร" หอบเอกสาร ร้องกกต. พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย ปมตั้ง สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นั่ง ผอ.พรรค วันเดียวกัน ศรีสุวรรณให้ถ้อยคำกกต.ปมคลิปร้อนทักษิณแทรกแซงครอบงำพรรคหรือไม่พร้อมจัดหนักปมแก้ม.112

"พรรคเพื่อไทย" กำลังถูกตรวจสอบจากมือกฎหมายอย่างต่อเนื่อง  เพราะนอกจาก นายศรีสุวรรณ  จรรยา  เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย  ยื่นคำร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณาคลิปร้อน ทักษิณ ชินวัตร หรือ "โทนี่ วู้ดซัม" กระทำการวีดีโอคอลมายังสมาชิกพรรคเพื่อไทยในงานเลี้ยง เข้าข่ายครอบงำแทรกแซงพรรคเป็นเหตุให้ยุบพรรคหรือไม่ โดยกกต.เรียกมาให้ถ้อยคำเมื่อวันที่ 8 พ.ย. 64   ปรากฎว่าวันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ได้ยื่นหนังสือร้องต่อกกต.ขอให้ตรวจสอบว่านพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ และเป็นเหตุให้ยุบพรรคหรือไม่อีกเช่นเดียวกัน 

 

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ  เปิดเผยว่า สาเหตุที่ต้องยื่นเรื่องร้องเรียนขอให้กกต.ตรวจสอบเรื่องดังกล่าว  เนื่องจากหากสรุปตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ข้อ 70 สมัยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์เป็นหัวหน้าพรรค สามารถตั้งสมาชิกพรรค เป็นผู้อำนวยการพรรคได้ ซึ่งต้องรายงานให้คณะกรรมการบริหารพรรคทราบ

 

"แต่บุคคลที่ห้ามสมัครเป็นสมาชิก ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 98 เช่น (9) บุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกและพ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปี หรือ (12) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ"  นายเรืองไกร กล่าว 

 

นายเรืองไกร ชี้ว่า  นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี จึงน่าจะมีลักษณะต้องห้ามเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย หรือ ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ดังนั้น จะถือเป็นคนอื่นหรือผู้ใดที่มิใช่สมาชิก ซึ่งจะเป็นการกระทำฝ่าฝืนตาม พรป.พรรคการเมือง ม. 28 หรือ ม.29 หรือไม่นั้น จะถือเป็นเหตุแห่งการยุบพรรคเพื่อไทย และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งชุดเดิมและชุดใหม่ตาม ม.92 หรือไม่ และ กกต. ต้องดำเนินคดีอาญาตาม ม.108

 

นายเรืองไกร กล่าวว่า ถ้าหากรับเป็นสมาชิกพรรคการเมืองนั้น นายทะเบียนจะมีโทษปรับตามกฎหมายพรรคการเมือง ซึ่งกฏหมายสูงสุดรัฐธรรมนูญกำหนดว่าคนที่จะสมัครเป็นส.ส.ตามมาตรา 98 ต้องไม่เคยถูกคำสั่งร้องให้ออกจากราชการ ซึ่งจากการพิจารณาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ได้กำหนดว่าสมาชิกพรรคการเมืองต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 98

 

ภาพหลักฐาน นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ได้รับแต่งตั้งเป็นผอ.พรรคและขึ้นปราศรัย ตามที่นายเรืองไกรอ้างถึง ปรากฎอยู่ในเพจพรรคเพื่อไทย

 

ดังนั้น จึงมีความเกี่ยวโยงกับกรณีนพ.สุรพงษ์ ไม่สามารถสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยได้ตั้งแต่ต้น เพราะข้อบังคับพรรคเพื่อไทยบอกว่าตำแหน่งผอ.พรรค ต้องตั้งจากสมาชิกพรรคพรรคการเมือง ซึ่งแทบทุกพรรคการเมืองก็เอากฎหมายมาตรา 98 มาเขียนไว้ในข้อบังคับพรรค ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคเสรีรวมไทย ต้องเอาอันนี้บัญญัติเพราะกฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับไว้ว่าต้องเขียนไว้ในข้อบังคับพรรค

 

"ผมร้องด้วยข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ซึ่งหนังสือร้องของผมแทบจะไม่เอ่ยถึงเงื่อนไขกฎหมายพรรคการเมืองในรัฐธรรมนูญ เพราะว่ามันอยู่ในข้อบังคับพรรคเพื่อไทยโดยตรง ซึ่งเราไม่ได้บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ห้ามแล้วพรรคเพื่อไทยทำได้อย่างไรนั้นก็ไม่ใช่ แต่ว่าวันนี้เราเอาข้อบังคับพรรคของพรรคเพื่อไทยมาถามว่าท่านไม่ดูเหรอ ท่านตั้งเขาไปได้อย่างไร"

 

"และการประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทยที่ขอนแก่นเมื่อ 28 ต.ค. หมอเลี๊ยบ เป็นคนแรกขึ้นเวทีปราศรัยในตำแหน่งผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย พูดไปตั้ง 3 ชั่วโมงกว่า ซึ่งจากการไล่ดูคลิปมันสุ่มเสี่ยง ไม่ใช่ผมเห็นแล้ว บอกว่าจะให้ผมทำยังไง คุณจะเจรจากับผมมั้ย นั่นไม่ใช่เรื่องของผมและผมไม่เคยทำอย่างนั้น ผมมีหน้าที่มาร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องผิดถูกก็เป็นเรื่องของท่านต้องมาชี้แจง" นายเรืองไกร กล่าว

 

ทั้งนี้ "นายเรืองไกร" ได้แจ้งให้กกต.ดูว่ามีหลักฐานชัดเจนโดยดาวน์โหลดคลิปความยาว 3 ชั่วโมง ซึ่งอยู่หน้าเว็บพรรคเพื่อไทยทั้งวันที่ 28 ตุลาคมและวันที่ 3 พฤศจิกายน ในเฟซบุ๊กพรรคเพื่อไทย ยังได้นำบทความของนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย มาลงไว้ อันทำให้เข้าใจได้ว่านายสุรพงษ์ ยังคงเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยต่อมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ พยานหลักฐานมันเพียงพอที่จะเชื่อได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดจากการกระทำของพรรคเพื่อไทยเอง ไม่ใช่ว่าใครอยากร้องอะไรก็มาร้อง

 

วันเดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา มาให้ถ้อยคำกกต.ปมคลิปร้อนพร้อมกับยื่นสอบทักษิณกรณีแก้ม.112

 

ด้าน"นายศรีสุวรรณ"  เปิดเผยว่า นอกจากเดินทางมากกต.เพื่อให้ถ้อยคำปมคลิปร้อน วีดีโอคอลนายทักษิณมายังพรรคเพื่อไทย เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจเข้าข่ายครอบหรือชี้นำพรรคการเมือง ขัดต่อมาตรา 28 และ29 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ได้

 

"ผมยังได้ยื่นคำร้องต่อ กกต.เป็นเรื่องของนายทักษิณ โดยสืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม กลุ่ม "ราษฎร" และแนวร่วมต่าง ๆ ได้ร่วมกันจัดชุมนุมใหญ่ที่แยกราชประสงค์ การชุมนุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการปฏิรูปสถาบัน และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วย และต่อมาในคืนวันดังกล่าวนายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกโพสต์ในโซเชียลมีเดียของพรรคเพื่อไทย ว่าให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนของกลุ่มราษฎรในการแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 และ 116

 

อย่างไรก็ตาม  ภายหลังจากพรรคเพื่อไทยได้โพสต์เอกสารดังกล่าวไม่นาน วันที่ 2 พฤศจิกายนนายทักษิณได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ว่ามาตรา 112 ไม่ใช่ประเด็นปัญหา แต่เป็นประเด็นปัญหาในเรื่องอื่นมากกว่า จึงทำให้พรรคเพื่อไทยพลิกกลับในประเด็นการขับเคลื่อนมาตรา 112 ในทันที ซึ่งหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ได้ออกมาพูดในทำนองว่าอาจจะเป็นเพียงสะพานเชื่อมในการนำปัญหาเหล่านี้ไปสู่การแก้ไขในรัฐสภาเท่านั้น มิได้เป็นตัวตั้งตัวตีในการผลักดันแก้ไขมาตรา 112

 

"นายศรีสุวรรณ" กล่าวว่า  การกระทำดังกล่าวของนายทักษิณและพรรคเพื่อไทย อาจเข้าข่ายการฝ่าฝืน ม.28 และหรือ ม.29 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ เพราะกฎหมายดังกล่าวกำหนดว่าห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอม หรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม และ ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ

 

ทั้งนี้ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม ซึ่งหาก กกต.วินิจฉัยว่าเป็นการครอบงำหรือชี้นำ ก็อาจนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้ ตาม ม.92(3) ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่เข้าให้ถ้อยคำต่อ กกต.กว่า 1 ชั่วโมง นายศรีสุวรรณ กล่าวว่าได้ให้การว่านายทักษิณที่ได้วีดีโอคอลเข้ามาในงานเลี้ยง และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล ที่เป็นเจ้าของสถานที่จัดเลี้ยง ซึ่งถือว่าทั้ง 2 คน เป็นบุคคลนอกไม่ใช่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ตามมาตรา 29 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนพรรคเพื่อไทยถูกร้องเรียนตามมาตรา 28 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ยืนยันการที่ กกต.เรียกเข้าให้ถ้อยคำไม่ถือว่าเร็ว ช้าด้วยซ้ำ เมื่อกกต.ได้สอบเบื้องต้นแล้ว จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อแสวงหาพยานหลักฐานอื่นเพิ่มเติมต่อไป
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ