"บังคับฉีดวัคซีน" ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯ เบรกมาตรการของประธานาธิบดี โจ ไบเดน หลังประกาศออกคำสั่งบังคับฉีดวัคซีนในกลุ่มสถานประกอบการที่มีพนักงานเกิน 100 คนขึ้นไป
"บังคับฉีดวัคซีน" ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ สั่งระงับคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีเป็นการชั่วคราว หลังจากโจ ไบเดนออกประกาศสำหรับกลุ่มสถานประกอบการขนาดใหญ่ ที่มีพนักงานมากกว่า 100 คนขึ้นไป จะต้องฉีดวัคซีนหรือทำการตรวจเชื้อโควิด-19 ทุกสัปดาห์
โดยคำสั่งดังกล่าวกำหนดว่าพนักงานทุกคนจะต้องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จนครบโดส ภายในวันที่ 4 ม.ค. 2022 กรณีที่พนักงานไม่ได้ฉีดวัคซีนตามวันที่กำหนด จะต้องส่งผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่เป็นลบทุกสัปดาห์ เพื่อสามารถเข้าสู่สถานที่ทำงานได้ และตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. เป็นต้นไป ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนต้องสวมหน้ากากขณะอยู่ภายในอาคารของสถานที่ทำงานด้วย
ซึ่งมาตรการดังกล่าว ทางศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ มองว่า มีปัญหาด้านกฎหมายและกฎรัฐธรรมนูญอย่างร้ายแรง หลังจากมีการยื่นคำร้องคัดค้านกฎดังกล่าวจากบริษัทและหน่วยงานต่าง ๆ ศาลจึงได้ออกคำสั่งระงับคำสั่งดังกล่าวไว้ชั่วคราว
นอกจากนี้ ผู้การว่าการรัฐเท็กซัส หลุยส์เซียนา เซาธ์แคโรไลนา และยูทาห์จากพรรครีพับลิกันเองก็คัดค้านกฎดังกล่าวด้วยเช่นกัน โดยอ้างว่า โจ ไบเดน ใช้อำนาจเกินขอบเขต
ในขณะที่ทนายความระดับสูงจากกระทรวงแรงงาน สีมา นันดา กล่าวว่า มาตรการ "บังคับฉีดวัคซีน" เป็นการใช้อำนาจฉุกเฉินเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อดูแลความปลอดภัยและสุขภาพในการทำงานของกระทรวงแรงงานเท่านั้น โดยทางสำนักงานบริหารความปลอดภัยและอาชีวอนามัยแห่งชาติสหรัฐฯ (OSHA) จะเป็นผู้นำไปบังคับใช้ พร้อมเสริมว่าทีมบริหารเตรียมพร้อมที่จะปกป้องมาตรฐานนี้อย่างเต็มที่ในชั้นศาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง