
เครียด...ทวงเงินไม่ได้
ผมซื้อแฟรนไชส์ที่ชื่อ "บิลพอยท์" (Billpoint) ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับจุดรับชำระเงินออนไลน์ เพื่อมาเสริมธุรกิจในร้านผมที่ทำธุรกิจไปรษณีย์ในห้าง ผมได้ทำสัญญาซื้อแฟรนไชส์ตั้งแต่วันที่ 21 มกราคม 2552 ก็ได้มีลูกค้ามาใช้บริการชำระค่าบัตรเครดิตบ้าง ค่าผ่อนรถบ้าง
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2552 ลูกค้ามาแจ้งที่ร้านผมว่าเงินที่ชำระไว้ยังไม่เข้าระบบสถาบันการเงินเลย ผมจึงโทรไปแจ้งยังศูนย์บิลพอยท์เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเงินลูกค้ายังไม่ชำระ ก็ได้รับคำตอบว่าจะรีบดำเนินการให้
หลังจากนั้นลูกค้าก็เข้ามาถามที่ร้านผมมากขึ้นเรื่อยๆ เกือบเป็นร้อยคน ผมจึงตัดสินใจนำเงินส่วนตัวของผมคืนให้ลูกค้าไปก่อน เพื่อให้ลูกค้าไปชำระให้ทันตามวันที่กำหนด จากนั้นผมได้สอบถามที่บิลพอยท์ และได้รับคำตอบที่ตกใจมากว่า ทางบริษัทได้นำเงินที่ร้านผมโอนไปให้แต่ละวันไปใช้เรื่องส่วนตัว จึงไม่สามารถตัดระบบได้ ผมได้ฟังถึงกับตกใจ เพราะผมโอนเงินไปเป็นจำนวน 4 แสนกว่าบาทแล้ว
ผมได้พยายามทวงเงินคืน แต่ก็ยังไม่ได้
รบกวนลุงแจ่มช่วยด้วยครับ เพราะบริษัทบิลพอยท์ขายแฟรนไชส์ไปแล้ว 200 กว่าสาขา อยากจะเตือนคนที่ใช้บริการทั้งคนซื้อแฟรนไชส์เหมือนผมหรือคนที่ใช้บริการชำระบิลต่างๆ ให้ระมัดระวังด้วย ไม่อยากให้บุคคลอื่นเป็นเหมือนผม
ตอนนี้ที่ระยองมีเจ้าทุกข์ทั้งหมด 6 รายแล้วครับ ทางบริษัทนัดว่าจะจ่ายเงินคืนให้ แต่ก็ยังไม่จ่าย
ธันวา สุทธิรักษ์
ตอบ
เจ้าหน้าที่ บริษัท บิลพอยท์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า มีลูกค้าของบริษัทไปที่ สภ.มาบตาพุด 6 ราย แต่มีปัญหาจริงๆ แค่ 2 ราย เป็นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการโอนบิล ส่วนอีก 4 รายที่เหลือไม่มีปัญหาอะไรกับบริษัท แต่คาดว่าถูกชักชวนกันมา มีอยู่รายหนึ่งเพิ่งติดตั้งระบบยังไม่ได้รับชำระเลย ยังมาที่ สภ.มาบตาพุด ด้วย เพราะลูกค้าไปชวนๆ กันมา
กรณีนี้ มีลูกค้า 2 รายที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบ บริษัทไม่ได้นำเงินลูกค้าไปใช้อย่างอื่น แต่เนื่องจากลูกค้าได้ทำรายการซ้ำซ้อนกับทางบริษัท ทำให้ไปเรียกเก็บเงินกับผู้ที่มาชำระเงินผ่านระบบไม่ได้ จึงต้องการให้บริษัทรับผิดชอบ ส่วนลูกค้าที่เหลือ คาดว่าจะได้รับข้อมูลว่าเกิดปัญหาต่างๆ จากผู้ร้อง จึงมารวมตัวกันที่ สภ.มาบตาพุด เพื่อต้องการเรียกร้องขอเงินค่าแฟรนไชส์คืน
แต่เรื่องราวไม่ได้จบแค่นี้ เพราะหลังจากที่ลูกค้าได้นัดไกล่เกลี่ยกับบริษัท บริษัทได้ส่งพนักงานหญิงไปเจรจาที่ สภ.มาบตาพุด ทำตกลงที่จะทยอยจ่ายเงินคืนให้แก่ลูกค้า แต่กลายเป็นว่าพนักงานถูกบังคับให้เซ็นยินยอมว่าจะคืนค่าแฟรนไชส์ อีกทั้งพนักงานยังถูกกลุ่มลูกค้าขโมยโทรศัพท์มือถือไป เพื่อจุดประสงค์ใดยังไม่ทราบ แต่ในมือถือนั้นมีแต่เบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าบริษัท
พนักงานจึงได้เข้าแจ้งความว่าถูกลักทรัพย์ไว้ที่ สภ.พนัสนิคม (พื้นที่คู่กรณี)
เจ้าหน้าที่ บิลพอยท์ บอกว่า บริษัทมีหลักฐานการโอนเงิน แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้แจงได้มากกว่านี้เพราะเรื่องยังไม่จบ และถ้าลูกค้าทำให้บริษัทเกิดความเสียหาย ก็คงต้องว่ากันไปตามกฎหมาย
ลุงแจ่ม