“ยศ เลิศภิญโญภาพ” ผู้กล้าสายเทค หนุนรัฐเปิด Work from Thailand
“ยศ เลิศภิญโญภาพ” ผู้กล้าสายเทค หนุนรัฐเปิด Work from Thailand ดึง Digital Nomad ทำงานระยะยาว ประเทศไทยเหมาะสมที่สุดที่จะดึงต่างชาติเข้ามาทำงานในลักษณะดังกล่าว
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด ทำให้ประเทศไทยสูญเสียรายได้การท่องเที่ยวมหาศาล ธุรกิจต่อเนื่องได้รับผลกระทบอย่างหนัก
แต่ถึงกระนั้นประเทศไทยก็ยังคงเป็นเป้าหมายต้น ๆ ของนักเดินทาง ที่จะเข้ามาท่องเที่ยวและทำงาน หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย ด้วยจุดแข็งในหลาย ๆ ด้าน ทั้งธรรมชาติที่งดงาม อาหารอร่อย มรดกทางวัฒนธรรมที่หลากหลาย คนไทยมีความเป็นมิตรจนได้ชื่อว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม มีระบบการแพทย์ที่ดี รวมถึงค่าครองชีพก็ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับประเทศในแถบเดียวกัน อย่างสิงค์โปรหรือมาเลเซีย ที่สำคัญ เป็นประเทศที่มีระบบโทรคมนาคมที่ดีรองรับกระแสโลก ที่วิกฤตโควิดเป็นตัวเร่งให้เข้าสู่โลกดิจิทัลกันอย่างทั่วถึงซึ่งจุดแข็งทั้งหมดที่กล่าวมานั้นประเทศไทยมีต้นทุนอยู่แล้ว ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
คำถามคือ แล้วประเทศไทย จะยังไงต่อหลังจากนี้
พรรคกล้า ถือเป็นพรรคที่ส่งเสียงมาตลอด เพื่อขอให้รัฐบาลส่งเสริมการทำ “Work From Thailand” โดยชวนเหล่า ‘digital nomads’ หรือผู้ที่ทำงานจากที่ไหนก็ได้ด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี
กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ปัจจุบันประเทศไทย มีการเชื่อมโยงอินเตอร์เน็ตครอบคลุมทั่วประเทศ ค่าครองชีพเราเมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้วก็ยังถือว่าคุ้มมากเราสามารถเปิดให้คนทั่วโลกสมัครขอ Visa ประเภทนี้ สามารถทำงานได้ 2 ปีเต็ม ๆ ทุกคนผ่าน quarantine ก่อนตามเกณฑ์ปกติ เราจัดหาบริการเลขารองรับ เรามีแรงงานภาคบริการที่ว่างงานมากมาย ทุกคนที่มาต้องมีประกันสุขภาพ และได้รับการแนะนำจากหมอเพื่อให้เขาอุ่นใจ เขามาก็จะสร้างรายได้ให้คนไทยในวงกว้าง และหากเราบริหารจัดการได้ดี อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นการสร้างระบบนิเวศน์ในอุตสาหกรรมใหม่ๆ เช่น เทค startup หรือบริการทางการเงินให้ไทยได้
รัฐบาลเดินมาถูกทางด้วยมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประเภท Special Tourist Visa (STV) อนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยได้ 90 วัน ต่อได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 90 วัน (รวม 270 วันแต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมต่ออายุ 2,000 บาทในการต่ออายุแต่ละครั้ง)
แค่นี้ยังไม่พอ เนื่องจากเขาไม่มีสิทธิทำงาน และขั้นตอนการยื่นขอยังสามารถทำให้มีความเป็น ‘4.0’ มากขึ้นได้ นอกจากนี้ทางหอการค้าต่างประเทศได้เสนอขอให้ยกเว้นข้อจำกัดการทำธุรกิจต่าง ๆ (ที่ไม่มีผลต่อความมั่นคงของชาติ) เป็นเวลาสามปีเพื่อให้เกิดการลงทุน โดยส่วนตัวมองว่าน่าสนใจ
นอกจากนี้ กลุ่มคนทำงานเหล่านี้ลองคิดดูว่าเขาต้องมา เช่าบ้าน จับจ่ายใช้สอยรายวัน วันหยุดไปเที่ยว เฉลี่ยเดือน ๆ นึงสร้างรายได้หลักแสนเข้าประเทศไทย วางเป้าโครงการนี้ 1 ล้านคน หาเงินเข้าประเทศกระจายรายได้ให้คนไทยอย่างน้อย 'แสนล้าน' แต่ประเด็นสำคัญคือ ต้องทำให้ง่าย ลดระเบียบราชการที่วุ่นวายลง เป็นโอกาสของเราแล้วที่จะช่วยกันคิดและเร่งลงมือทำเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ
จากความเห็นและข้อเสนอแนะของหัวหน้าพรรคกล้า เราลองมาไล่เลียงดู จุดแข็งและความเป็นไปได้กับการเปิดประเทศ เพื่อรับ “Digital Nomad” เข้ามาทำงานในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทย เชื่อว่าคนส่วนใหญ่อาจยังไม่คุ้นเคยกับคำว่า Nomad นัก และบางคนก็อาจจะเพิ่งรู้จักผ่านทางภาพยนตร์ “Nomadland” ฝีมือการกำกับของ โคลอี จ้าว (Chloé Zhao) ที่เพิ่งได้รับรางวัลออสการ์เมื่อกลางปีที่ผ่านมานี้เอง
โดยเรื่องราวก็จะมีการใช้ชีวิตเดินทางของคนเร่ร่อนจากพิษเศรษฐกิจไปยังประเทศต่าง ๆ จริงๆ Nomad ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในอเมริกาก็มีกลุ่มคนที่ปฏิเสธการตั้งเหย้าเรือนเป็นหลักแหล่งและอยากใช้ชีวิตประจำวัน กินอยู่หลับนอนใน “รถบ้าน” และย้ายตำแหน่งเพื่อหางานทำไปเรื่อย ๆ ก็มีไม่น้อย
แต่สำหรับ Digital Nomad ศัพท์ใหม่ ที่เข้ามาพร้อมกับโควิด และจุดติดได้ไม่นาน กับสถานการณ์ที่บังคับให้เป็น และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหลายบริษัท ของหลายประเทศที่ได้เปิด Remote accessing ให้คนทำงาน ได้ทำงานร่วมกันในลักษณะ อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ World wind ได้ทั่วโลก โดยไม่ทำให้ธุรกิจหยุดชะงัก ซึ่งแน่นอนว่า ประเทศไทย อยู่ในเป้าหมายของนักเดินทาง ที่จะเป็นเหย้าเรือน ถิ่นพำนัก ชั่วคราว ที่มีความพร้อมและเป็นเมืองในฝันของคนทั่วโลกที่ต้องการมาเยี่ยมชม
"ยศ เลิศภิญโญภาพ" นักออกแบบและพัฒนาระบบไอที และเจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอีด้านอุปกรณ์การแพทย์ ผู้กล้าสายเทคโนโลยีมือดีของพรรคกล้า ก็เป็นคนหนึ่งที่ผ่านประสบการณ์ Digital Nomad มาหลายประเทศ เขามองว่า ประเทศไทยเหมาะสมที่สุดที่จะดึงต่างชาติเข้ามาทำงานในลักษณะดังกล่าว
ส่วนตัวเองเคยใช้ชีวิตทำงานสายเทคโนโลยีกับบริษัทแม่อยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย เดินทางไปทำงานก็หลายประเทศ ทั้ง สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินเดีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น สวีเดน อิสราเอล แคนนาดา ฯลฯ โดยส่วนตัวชอบและคุ้นชินกับการทำงานที่ต้องเดินทางไปหลาย ๆ ประเทศ ได้สัมผัสและเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมที่หลากหลายของแต่ละประเทศ
ช่วงที่ผ่านมา เราจะไม่ได้เรียกว่า Digital Nomad อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากยังต้องไปประจำสาขาในประเทศต่าง ๆ เพื่อติดต่อคุยธุรกิจแบบเจอหน้า ไปทำงานชีวิตอยู่เป็นเวลาหลายเดือนบางประเทศเป็นปีก็มี อาจเรียกว่าเป็น Expat ก็ได้ แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดโควิด ลูกค้าก็ปรับเปลี่ยนให้เราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ในโลก โดยใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน จึงทำให้ผมเห็นโอกาสของประเทศไทย ที่จะเป็นเป้าหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
จุดสำคัญคือ Reasonable Price ต้นทุนในการอยู่อาศัยมันเข้าถึงได้อินเตอร์เน็ตแรง อากาศก็ไม่ได้ร้อนจัด หรือ หนาวเหน็บแบบหลาย ๆ ประเทศ อยากทำงานที่ไหนก็ทำได้ ทั้งเกาะ ชายหาด ป่าเขา ริมแม่น้ำ ในวัดวาอาราม เช่น ภูเก็ต กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ โคราช พระนครศรีอยุธยา ฯลฯ แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม ศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลาย อาหารอร่อย เมืองไทยมีเสน่ห์ สามารถดึงดูดคนชอบเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหรือทำงานได้อีกมาก ยศ กล่าว
อย่างไรก็ตาม "ยศ" มองว่า สิ่งที่ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยน และต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ วีซ่าของนักท่องเที่ยว ต้องเป็นแบบ Long Stay Visa เพื่อรองรับ Work from Thailand ควรปรับจาก 1-3 เดือน เป็น 6-12 เดือน และเป็นการขอครั้งเดียวจบ เสียค่าธรรมเนียมไม่มาก และขั้นตอนการขอต้องไม่ยุ่งยาก สามารถดำเนินการผ่านเว็ปไซต์ของสถานกงสุลได้เองน่ายิ่งดี นักท่องเที่ยวหลายรายที่ไม่ได้เดินทางมาลำพัง แต่พาครอบครัวมาด้วย เขาก็จะมาจับจ่ายใช้สอย เป็นโอกาสในการเพิ่มรายได้จากหลายธุรกิจตามมาด้วย
ปัจจุบันคนที่ทำงานในประเทศไทยและถือวีซ่าในรูปแบบ Working visa ก็ต้องไปรายงานตัวทุก 90 วัน ซึ่งตรงนี้รัฐบาลกำลังปรับแต่ไม่รู้ว่าอยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว ซึ่งถ้าสามารถปรับได้ โดยไม่ต้องไปรายงานตัวก็จะลดความยุ่งยากลงได้มากและก็เชื่อว่าถ้าสามารถทำได้โครงการ Work from Thailand จะสร้างรายได้มหาศาลเข้าสู่ประเทศไทย
สำหรับยศ เข้าสู่พรรคกล้า จากคนที่อยากเห็นประเทศเจริญทัดเทียมกับประเทศอื่น และอยากเห็นคนทำการเมืองด้วยใจ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศ และเห็นว่าดีเอ็นเอของพรรคกล้าที่ยึดมั่น ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มุ่งทำเศรษฐกิจเพื่อปากท้อง และยังชื่นชอบนักการเมืองที่มีความรู้และวิสัยทัศน์ เป็นความหวังได้อย่าง กรณ์ จาติกวณิช อดีตขุนคลังโลก และนักการธุรกิจที่มีความสามารถสูงมาก แก้ปัญหาได้ตรงจุดอย่าง หมู - วรวุฒิ อุ่นใจ ซึ่งเป็นแรงผลักให้อยากทำงานกับคนเก่งๆ ที่มีความตั้งใจจะทำงานเพื่อประเทศอย่างจริงจัง ในยุคที่โลกกำลังก้าวสู่ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ