ข่าว

"ปคบ." รวบ "หนุ่มใหญ่" หลอกขาย "ถุงมือยาง" ข้ามชาติ เสียหายกว่า 200 ล้านบาท

03 พ.ย. 2564

ตำรวจ "ปคบ." บุกรวบหนุ่มใหญ่ เปิดบริษัทหลอกขาย "ถุงมือยาง" โกงบริษัทต่างชาติ เสียหายกว่า 200 ล้านบาท เจ้าตัวยังปากแข็งขอให้การในชั้นศาล

3 พ.ย.2564  กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค  (บก.ปคบ.)   พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1  กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค  (บก.ปคบ.) จับกุม 


1. บริษัทของ นายเอ (นามสมมุติ) กรรมการผู้มีอำนาจของบริษัท ในฐานะนิติบุคคล ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1853/2564 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564

2.นายเอ  (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ในฐานะส่วนตัว ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1852/2564 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564

 

ฐานความผิด "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ" 
 

\"ปคบ.\" รวบ \"หนุ่มใหญ่\" หลอกขาย \"ถุงมือยาง\" ข้ามชาติ เสียหายกว่า 200 ล้านบาท

 

ทั้งนี้  ก่อนเกิดเหตุ บริษัทของผู้เสียหาย ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ ไมอามีบีช, รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) ต้องการที่จะซื้อถุงมือยางสังเคราะห์ (Nitrile Glove) แบบไม่มีแป้ง จำนวน 2 ล้านกล่อง เพื่อนำมาจำหน่ายต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา จึงติดต่อผ่านบริษัทสัญชาติจีนบริษัทหนึ่ง ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการค้า นำเข้า ส่งออก และบริการรับจัดหาสินค้าต่าง ๆ รวมทั้งถุงมือยาง ให้กับลูกค้าทั่วโลก

โดย บริษัทดังกล่าวได้แจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่า สามารถติดต่อหาผู้ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางให้ได้แล้ว คือ บริษัทของ นายเอ (ผู้ต้องหา) ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยาง มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ประเทศไทย หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงได้เข้าไปตรวจสอบบริษัทของผู้ต้องหาผ่านทางเว็บไซต์ พบว่ามีการประกาศโฆษณาขายถุงมือยาง มีความน่าเชื่อถือ จึงหลงเชื่อว่าบริษัทของผู้ต้องหาสามารถผลิตถุงมือยางได้ตามปริมาณที่ต้องการสั่งซื้อ และส่งมอบได้ทันภายในกำหนดเวลา จึงแจ้งให้บริษัทสัญชาติจีนที่เป็นคนกลาง ติดต่อไปยังบริษัทผู้ต้องหา เพื่อนัดเจรจาซื้อขายถุงมือ

 

ต่อมาบริษัทผู้เสียหาย และ บริษัทผู้ต้องหาได้ตกลงทำสัญญาซื้อขายถุงมือยางสังเคราะห์ (Nitrile Glove) แบบไม่มีแป้ง จำนวน 2 ล้านกล่อง (กล่องละ 100 ชิ้น รวม 200 ล้านชิ้น) รวมเป็นเงิน 15,500,000 ดอลลาร์สหรัฐ แบ่งชำระ 12 งวด โดยให้ชำระค่ามัดจำ 40 เปอร์เซ็นต์ คิดเป็นเงิน 6,200,000 ดอลลาร์สหรัฐ ภายใน 3 วัน หลังจากทำสัญญา ส่วนที่เหลือแบ่งจ่าย พร้อมทยอยส่งมอบสินค้า จนกว่าจะครบ 12 งวด (งวดแรก 9 ม.ค. 2564 – งวดสุดท้าย 21 มี.ค. 2564) และบริษัทผู้เสียหาย ได้มีการติดต่อขอเข้าตรวจสอบโรงงานและคลังเก็บสินค้าของบริษัทผู้ต้องหา แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยอ้างว่าอยู่ในสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 ไม่สะดวกที่จะให้เข้าชมโรงงานและคลังเก็บสินค้าแต่อย่างใด

 

ต่อมาในวันที่ 16 ธันวาคม 2563 บริษัทผู้เสียหาย ได้โอนเงินมัดจำถุงมือยางดังกล่าว จำนวน 6,200,000 ดอลลาร์สหรัฐ เข้าบัญชีธนาคารบริษัทของผู้ต้องหาตามสัญญา (เงิน 6,200,000 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทย ประมาณ 184,759,900 บาท ) และเมื่อถึงกำหนดนัดรับสินค้า ผู้เสียหายได้ไปติดต่อรับสินค้างวดแรก ที่คลังสินค้า ต.หนองเหียง อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี แต่ปรากฏว่า บริษัทผู้ต้องหาไม่มีสินค้าส่งมอบให้ตามสัญญา โดยอ้างว่าสินค้าผลิตไม่ได้มาตรฐาน ประกอบกับพื้นที่บางส่วนในประเทศไทย ถูกสั่งล็อคดาวน์เพราะสถานการณ์ Covid-19 และต่อมาได้เสนอจะส่งมอบสินค้าให้เพียง 2,000 กล่องเท่านั้น จากที่ตกลงส่งมอบถุงมือยางกันในงวดแรก 1 จำนวน 100,000 กล่อง ผู้เสียหายจึงปฏิเสธ และพยายามติดตามทวงถามเรียกให้คืนเงินมัดจำเรื่อยมา แต่ได้รับการปฏิเสธ และไม่ได้รับเงินคืนแต่อย่างใด  

 

ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2564 บริษัทผู้เสียหาย ได้ส่งตัวแทนไปตรวจสอบที่ตั้งสำนักงานบริษัทของผู้ต้องหา ในพื้นที่ ต.ท่าเกวียน อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ผลปรากฎพบแต่เพียงบ้านพัก ไม่พบโรงงานผลิตถุงมือยางแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหายดังกล่าว จึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ.

 

​พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. จึงได้ยื่นคำร้องขอหมายจับ โดยศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหา ในฐานะนิติบุคคล และในฐานะส่วนต้ว

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้นำหมายค้นศาลอาญาที่ 944/2564 ลงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 เข้าตรวจค้นสำนักงานบริษัทของผู้ต้องหา ที่ ถ.รัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ซึ่งพบผู้ต้องหากำลังทำงานอยู่ จึงทำการจับกุม และควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

 

เบื้องต้น จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ขอให้การในชั้นศาล​