ข่าว

บช.ภ.7 ยกระดับคุมเข้มชายแดน หลัง"เมียนมา"ทะลักเข้าไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผบช.ภ.7 สั่งตำรวจสนธิกำลังทหาร คุมเข้มชายแดน จ.กาญจนบุรี หลังแรงงานเถื่อนชาว"เมียนมา" เริ่มทะลักเข้าเมืองอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 2 พ.ย.64 พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากนโยบายของ พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบช.ภ.7 ฝ่ายความมั่นคง พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เฝ้าระวังป้องกันและปราบการการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด โดยเฉพาะการป้องกันการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว"ชาวเมียนมา" ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี มีพื้นที่ติดกับชายแดนรวม 5 อำเภอ เป็นระทาง 371 กิโลเมตร มีช่องทางเข้าออกทางธรรมชาติ 43 ช่องทาง 

บช.ภ.7 ยกระดับคุมเข้มชายแดนไทย-เมียนมา

โดยลักษณะภูมิประเทศตลอดแนวชายแดนนั้น เป็นภูเขาที่สูงชันและสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า เจ้าหน้าที่ กก.ตชด.13 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ที่อยู่ตามแนวชายแดน ได้ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดจุดตรวจร่วม รวมืงลาดตระเวนตามแนวชายแดนกันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าว"ชาวเมียนมา" เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้จะเป็นพาหะนำเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เข้ามาแพร่ระบาดในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งจังหวัดชั้นในและ กทม.

 

ที่ผ่านมาตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามจุดตรวจร่วมต่างๆ พร้อมกำชับการบูรณาการทำงานร่วมกันในการสกัดกั้นคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หากจับกุมได้ให้ทำการสืบสวน สอบสวนขยายผลจับกุมขบวนการลักลอบนำพา/ช่วยเหลือซ่อนเร้นและให้ที่พักพิง โดยให้ตรวจสอบและรวบรวม พยานหลักฐานในทุกมิติ รวมทั้งตรวจสอบเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ ด้วยการซักถามข้อมูลให้ได้ข้อเท็จจริงถึงที่มาจากต้นทาง  กลางทางและปลายทาง และการทำงานให้เจ้าหน้าที่ยึดหลักสิทธิมนุษยชน อย่างเคร่งครัด
 

โดยเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาได้ที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา ช่องทางบ้านท่าข้ามสุด ต.ศรีมงคล อ.ไทรโยค ได้ จำนวน 102 คน เป็นชาย 61 คน หญิง 41 คน จากการ สอบถามข้อมูลเบื้องต้นแจ้งว่าส่วนใหญ่จะเดินทางไปทำงานในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร บางส่วนจะเดินทางไปทำงานที่  กรุงเทพฯ  นครปฐม และ ราชบุรี 1 ใน 3 ของแรงงานกลุ่มนี้ พบว่าเคยเข้ามาทำงานในประเทศไทยมาก่อน และรู้ช่องทางเข้าออกตามแนวชายแดนเป็นอย่างดี หลังจากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะเข้มข้นในการป้องกันเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่า  
        

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ