ข่าว

"นายกฯ" ย้ำเวทีโลก COP 26 ต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"นายกฯ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ยันเวทีโลก COP 26 ไทยพร้อมยกระดับแก้ไขปัญหาภูมิอากาศ ย้ำต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

เพจไทยคู่ฟ้า เผยแพร่ข่าว "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี" และ รมว.กลาโหม กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP 26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
.
 

"นายกฯ" ยืนยันไทยให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพร้อมร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อบรรลุเป้าหมายสำคัญของโลก เพื่ออนาคตของลูกหลาน
.

ในปี 2019 ไทยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 17% หลังตั้งเป้าลดให้ได้อย่างน้อย 7% ภายในปี 2020 ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 2 เท่า หลังให้สัตยาบันเป็นภาคีของความตกลงปารีส เมื่อปี 2015
.

ไทยพร้อมยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศอย่างเต็มที่ เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2065
.

เราทุกคนไม่มี “แผนสอง”ในเรื่องการรักษาเยียวยาสภาพภูมิอากาศ เพราะเราจะไม่มี “โลกที่สอง” ซึ่งเป็นบ้านของพวกเราเหมือนโลกนี้อีกแล้ว จึงขอให้ทุกประเทศร่วมกันดูแลรักษาโลกของเรา

"นายกฯ" ย้ำเวทีโลก COP 26  ต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

"นายกฯ" ย้ำเวทีโลก COP 26  ต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

"นายกฯ" ย้ำเวทีโลก COP 26  ต้องหยุดทำร้ายธรรมชาติเพราะไม่มีโลกใบที่สอง

ก่อนหน้านี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมในการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit)ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ(United NationsFramework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP 26) ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร คือการนำเสนอเป้าหมายและการดำเนินงานที่แข็งขันต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเสนอการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย (LT-LEDS)”


.

ซึ่งเป็นการดำเนินการตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) ที่เป็นกติการะหว่างประเทศในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก และมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในปีค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์เร็วที่สุดภายในครึ่งปีหลังของศตวรรษนี้ ทั้งนี้ ไทยถือเป็น 1 ใน 3 ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นำส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับสิงคโปร์และอินโดนีเซีย

 

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า ไทยยังมีการดำเนินตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศในหลายๆ ส่วน อาทิ การยกร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2. การกำหนดเป้าหมายให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จำนวน 15 ล้านคัน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2578 3. การปลูกต้นไม้ยืนต้นทั่วประเทศจำนวนหนึ่งร้อยล้านต้นภายในปี 2565 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาโดยใช้ธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (nature-based solutions)

 

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวนอกจากการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม และประชาชนแล้ว ไทยยังได้รับความร่วมมือจากมิตรประเทศ สนับสนุนการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศอาทิ สหรัฐฯ ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยส่งเสริมการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในโครงข่ายไฟฟ้าของไทย

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าวนอกจากการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม และประชาชนแล้ว ไทยยังได้รับความร่วมมือจากมิตรประเทศ สนับสนุนการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ อาทิ สหรัฐฯ ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยส่งเสริมการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในโครงข่ายไฟฟ้าของไทย

 

อนึ่ง กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) กำหนดเป้าหมายร่วมกันคือ เพื่อรักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศไม่ให้เกินระดับที่จะเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งมีชีวิตและความมั่นคงทางอาหาร โดยทุกประเทศต้องร่วมรับผิดชอบต่อปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกันตามขีดความสามารถที่แต่ละประเทศจะทำได้ และได้จัดให้มีการประชุมสมัชชารัฐภาคีฯ ที่เรียกว่า Conference Of theParties (COP) เป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบัน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ