ข่าว

จำคุก 4 เดือน "ณัฐชนน ไพโรจน์" แนวร่วมธรรมศาสตร์ ฯ "ละเมิดอำนาจศาล"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอาญา สั่งจำคุก 4 เดือน "ณัฐชนน ไพโรจน์" แนวร่วมธรรมศาสตร์ ฯ "ละเมิดอำนาจศาล" ชี้ร่วมมวลชนกดดันศาลให้ใช้ดุลพินิจไปตามความต้องการกระทบความเป็นอิสระการพิจารณาพิพากษา

1 พ.ย. 2564 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งคดีละเมิดอำนาจศาลหมายเลขดำ ล.ศ.8/2564 ที่ ผอ.สำนักอำนวยการประจำศาลอาญา เป็นผู้กล่าวหา นายณัฐชนน ไพโรจน์ ประธานสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.)  ผู้ถูกกล่าวหา

 

กรณีเมื่อวันที่  29 เม.ย.64 กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ชวนกันมาทำกิจกรรมยื่นจดหมายราชอยุติธรรม พร้อมทั้งยืนอ่านกลอนตุลาการภิวัติ ที่ศาลอาญา โดยมีกลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้ามาบริเวณศาลรวมตัวกันอยู่ที่บริเวณบันไดทางขึ้นหน้าศาล ซึ่งมีการใช้เครื่องขยายเสียงและตะโกนข้อความ ปล่อยเพื่อนเรา โดยระหว่างที่มีการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ทำให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยภายในศาลอาญา ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งยืนอยู่หน้าบันไดทางขึ้น ศาลอาญา พูดผ่านเครื่องขยายเสียงข้อความว่า "ผมขอไม่นับว่าท่านจบที่ธรรมศาสตร์ที่เดียวกับผม เพราะท่านไม่เคยรักประชาชนเหมือนที่มหาลัยสอน คุณมันไร้กระดูกสันหลัง...ฯลฯ"
 

 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตรงกันว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุมีการร่วมชุมนุมของกลุ่มมวลชนแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม บริเวณบันไดทางขึ้นหน้าศาลอาญา เพื่อยื่นจดหมายราชอยุติธรรม พร้อมทั้งยืนอ่านบทกลอนตุลาการภิวัติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจำนวน 7 คนซึ่งอยู่ในกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม โดยมีผู้ถูกกล่าวหาร่วมชุมนุมอยู่บริเวณบันไดทางขึ้นศาลอาญาและพูดผ่านเครื่องขยายเสียงว่า “ ผมไม่นับว่าท่านจบธรรมศาสตร์ที่เดียวกับผม เพราะท่านไม่เคยรักประชาชนเหมือนที่มหาวิทยาลัยสอน คุณมันไร้กระดูกสันหลัง ถ้าคุณไร้กระดูกสันหลังคุณก็ไม่ได้ตั้งตรงเหมือนคนทั่วไป และผู้ถูกกล่าวหายังได้ตะโกนว่า “ ชนาธิปออกมารับจดหมาย” หลายครั้ง

 

ข้อเท็จจริงในส่วนที่ผู้ถูกกล่าวหา เบิกความว่าผู้ถูกกล่าวหาทราบว่าผู้พิพากษาหลายท่านจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ซึ่งเป็นสถาบันเดียวกับผู้ถูกกล่าวหาซึ่งมีคำขวัญว่า "ฉันรักธรรมศาสตร์เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน" ผู้ถูกกล่าวหาจึงมีความรู้สึกร่วมว่าในการประกันตัวของผู้ต้องหาในศาลชั้นต้นผู้ต้องหาควรได้รับการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และควรได้รับการประกันตัว เมื่อมีกลุ่มผู้ร่วมชุมนุมบางคนไม่ได้รับการประกันตัวในศาลผู้ถูกกล่าวหาจึงมีความรู้สึกว่าศาลไม่ได้ให้ความเป็นธรรม และผู้ถูกกล่าวหายังได้เบิกความตอบคำถามศาลเพิ่มเติมว่าที่ผู้ถูกกล่าหาพูดว่า“ คุณมันไร้กระดูกสันหลัง ถ้าคุณไร้กระดูกสันหลังคุณก็ไม่ได้ตั้งตรงเหมือนกับคนทั่วไป”

 

 

คำว่ากระดูกสันหลังนั้น หมายถึงหลักการ และการที่ผู้ถูกกล่าวหากล่าวว่าศาลไม่ยุติธรรมในการให้ประกันตัวเพราะคำสั่งไม่อนุญาตให้ประกันตัวนั้นศาลให้เหตุผลว่าเกรงว่าจำเลยจะไปกระทำความผิดอื่นซึ่งขัดกับหลักการที่กฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลย่อมเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาซึ่งปรากฏอยู่ในหนังสือราชอยุติธรรม 

 

ศาลเห็นว่าโดยเนื้อหาข้อความในการพูดของผู้ถูกกล่าวเป็นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับสิทธิการปล่อยชั่วคราวของผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ผู้ถูกกล่าวหามีความคิดเห็นต่างไปจากดุลยพินิจของศาล ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ถูกกล่าวหาสามารถคิดและแสดงความคิดเห็นดังกล่าวได้ แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาเข้าร่วมในการชุมนุมดังกล่าวและพูดตะโกนผ่านเครื่องขยายเสียงตามที่ปรากฏในแผ่นบันทึกเหตุการณ์ภาพเคลื่อนไหวด้วยพฤติกรรมที่ก้าวร้าว ขู่ตะคอก เอะอะโวยวายร่วมกับผู้ชุมนุมอื่น

 

อีกทั้งในขณะที่ผู้ร่วมชุมนุมอื่นใช้เครื่องขยายเสียงกล่าวโจมตีการทำงานของศาลผู้ถูกกล่าวหายังส่งเสียงโห่ร้องและแสดงกริยาสนับสนุนด้วยถ้อยคำที่ก้าวร้าวและยังร่วมตะโกนว่า “ปล่อยเพื่อนเรา” พฤติกรรมดังกล่าวจึงมิใช่การแสดงความคิดเห็นเพียงอย่างเดียว แต่มีลักษณะเข้าร่วมกับมวลชนกดดันศาลให้ใช้ดุลพินิจไปตามความต้องการของตนกับพวก ไม่มีความเคารพความเห็นต่างของผู้อื่นดังเช่นผู้มีอารยะทางความคิดในแนวเสรีประชาธิปไตยพึงกระทำ และการกระทำดังกล่าวยังกระทบต่อความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 188 วรรคสอง ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้พิพากษาและตุลาการย่อมมีอิสระในการพิจารณาพิพากษาอรรถคดีตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายให้เป็นไปโดยรวดเร็วเป็น ธรรมและปราศจากอคติทั้งปวง” อันเป็นหลักประกันในความเป็นอิสระของผู้พิพากษาและตุลาการการกระทำของผู้ถูกกล่าวหา จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ป.วิ.พ.) มาตรา 31 (1), 33 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิ.อ.) มาตรา 15 จึงมีคำสั่งให้ลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาเป็นเวลา 4 เดือน
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ