ข่าว

"นายกฯ"เหินฟ้าร่วมประชุมแก้ปัญหาโลกร้อน ที่สหราชอาณาจักรแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พล.อ.ประยุทธ์ "นายกฯ" ออกเดินทางเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร

ถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกในรอบสองปี ที่พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกฯ เดินทางไปต่างประเทศหลังเกิดโควิด-19 พร้อมกับการเปิดประเทศ 1 พ.ย.นี้  โดยนายกฯออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังสหราชอาณาจักร เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร 

 

เมื่อวันที่ 31 ต.ค.64 เวลาประมาณ  18.30  น.  พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยาน Glasgow Prestwick เมือง กลาสโกว์ สหราชอาณาจักร เพื่อเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2564

 

"นายกฯ"เหินฟ้าร่วมประชุมแก้ปัญหาโลกร้อน ที่สหราชอาณาจักรแล้ว

 

ทั้งนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  หนึ่งในภารกิจสำคัญของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ในการเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำ (World Leaders Summit) ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change Conference of the Parties: UNFCCC COP) (COP 26) ณ เมือง กลาสโกว์ สหราชอาณาจักร คือการนำเสนอเป้าหมายและการดำเนินงานที่แข็งขันต่าง ๆ

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำเสนอการจัดทำ “ยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของไทย (LT-LEDS)” ซึ่งเป็นการดำเนินการตามความตกลงปารีส  (Paris Agreement) ที่เป็นกติการะหว่างประเทศในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก และมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดในปี ค.ศ. 2030 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์เร็วที่สุดภายในครึ่งปีหลังของศตวรรษนี้

"นายกฯ"เหินฟ้าร่วมประชุมแก้ปัญหาโลกร้อน ที่สหราชอาณาจักรแล้ว

"ไทยถือเป็น 1 ใน 3 ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่นำส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ร่วมกับสิงคโปร์และอินโดนีเซีย" นายธนกร กล่าว 

 

โฆษกประจำสำนักฯ กล่าวว่า ไทยยังมีการดำเนินตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศในหลายๆ ส่วน อาทิ 

1. การยกร่างพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

2. การกำหนดเป้าหมายให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ จำนวน 15 ล้านคัน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของยานยนต์ทั้งหมดภายในปี 2578 

3. การปลูกต้นไม้ยืนต้นทั่วประเทศจำนวนหนึ่งร้อยล้านต้นภายในปี 2565 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาโดยใช้ธรรมชาติเป็นพื้นฐาน (nature-based solutions)

 

ทั้งนี้การดำเนินการดังกล่าว นอกจากการบูรณาการการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม และประชาชนแล้ว ไทยยังได้รับความร่วมมือจากมิตรประเทศ สนับสนุนการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศ อาทิ สหรัฐฯ ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยส่งเสริมการบูรณาการพลังงานหมุนเวียนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในโครงข่ายไฟฟ้าของไทย 

 

อนึ่ง กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) กำหนดเป้าหมายร่วมกันคือ เพื่อรักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศไม่ให้เกินระดับที่จะเป็นภัยคุกคามต่อสิ่งมีชีวิตและความมั่นคงทางอาหาร

 

"นายกฯ"เหินฟ้าร่วมประชุมแก้ปัญหาโลกร้อน ที่สหราชอาณาจักรแล้ว

โดยทุกประเทศต้องร่วมรับผิดชอบต่อปัญหาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกันตามขีดความสามารถที่แต่ละประเทศจะทำได้ และได้จัดให้มีการประชุมสมัชชารัฐภาคีฯ ที่เรียกว่า Conference Of the Parties (COP) เป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 จนถึงปัจจุบัน

 

logoline