ตำรวจเอาจริง ขยายผลนักการเมืองและนายทุนค้า "น้ำมันเถื่อน" ข้ามชาติ พบเครือข่ายทั้งเก่ามีนายตำรวจระดับสารวัตรดูแล เตรียมนำกฎหมายฟอกเงินเข้ายึดทรัพย์
จากกรณีที่ศูนย์ปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) ได้เข้าจับกุมเรือสีดำที่หัวเรือระบุชื่อเรือ “เหนือสมุทร 9” และตามทะเบียนเรื่อมีชื่อว่า “เทคซ่า” บริเวณใกล้เกาะสีชัง จ.ชลบุรี และเข้าตรวจยึดน้ำมันดีเซลประมาณ 4 แสนลิตร ที่ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 17 ต.ค.64 พร้อมผู้ต้องหาทั้งหมด 4 คน คือ นายสุวรรณ อายุ 56 ปี (หัวหน้าเรือ/นายท้ายเรือ) , นายมนตรี อายุ 41 ปี (นายช่างกลเรือ) , นายสุริยันต์ อายุ 34 ปี (ลูกเรือ) และนายพุทธรักษ์ อายุ 37 ปี (ลูกเรือ)
ล่าสุดมีรายงานว่า ขบวนการลักลอบน้ำเถื่อนรายนี้ยังมีอีก 11 คนเกี่ยวข้องและให้การสนับสนุน อาทิ นักการเมืองระดับท้องถิ่นที่มีความสนิทสนมกับนักการเมืองระดับชาติและนายตำรวจระดับสารวัตรรายหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา อีกทั้งยังมี3 นักธุรกิจระดับ “เสี่ย-เจ๊-บัง” กลุ่มน้ำมันและนายทุนเรือรับจ้างเป็นผู้ร่วมสนับสนุนในการแบ่งรายได้จากการค้าน้ำมันเถื่อนร่วมกันอีกด้วย โดยมีการจัดทำในรูปแบบบริษัทถึง 2 แห่ง
ขณะเดียวกันขบวนการนี้กำลังเตรียมขยายธุรกิจการค้าน้ำมันจากการลักลอบขายกลางทะเลขยับขยายมาทำการค้าในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง โดยมีนายตำตรวจที่สนิมสนมกันในระดับสารวัตรดูแลทั้งหมด ทั้งนี้ทางตำรวจรู้เครือข่ายทั้งหมดและหลักฐานจากบัญชีธนาคารแห่งหนึ่งที่เชื่อมโยงระหว่างกันแล้ว ขณะที่น้องชายนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นตัวการใหญ่และเป็นหัวเรือใหญ่เชื่อมโยงทั้งหมดได้หลบหนีไปกบดานแล้ว
ด้าน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เปิดเผยกับทีมข่าวคมชัดลึกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ว่ามีนักการเมืองและตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องจริงหรือไม่ ซึ่งต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำผิดจริงก็จะถูกดำเนินคดี ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2560 มาตรา 204 (1) ข้อหา มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่ไม่เสียภาษีเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับเป็นเงิน 5-15 เท่าของภาษีต้องเสียหรือทั้งจำทั้งปรับ และความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 242 ถือเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542
ข่าวที่เกี่ยวข้อง