จับ "ผู้ใหญ่บ้านนาบอน" พัวพันสังหารโหด ใช้อาวุธสงคราม ถล่มรถสองผัวเมียดับ

เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งกำลังเจ้าหน้าที่ กก.6 บก.ป. สนธิกำลังร่วมกับตำรวจภูธรภาค 9 นำหมายค้นศาลจังหวัดทุ่งสง เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 31/1 และ 31/3 ม.2 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช เพื่อจับกุม นายชำนิ  อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดตรังที่ 268/2564 ลงวันที่ 27 ต.ค. 2564 ข้อหา "สนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันมีอาวุธปืนและเรื่องการสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ , ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน" จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหารายนี้ได้คาบ้านพักดังกล่าว

สำหรับการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อเย็นวันที่ 9 ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ นายวีระยุทธ พร้อมภรรยาและลูกชาย กำลังขับรถยนต์ผ่านมาบนถนนเพชรเกษม บริเวณด้านหน้าสนามกีฬาไก่ชนบ้านควนเมา ม.2 ต.ควนเมา อ.รัษฎา จ.ตรัง เพื่อเดินทางกลับบ้านพัก ได้มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับรถกระบะ อีซูซุ ดีแมค ตอนครึ่ง สีเทาดำ ไล่ตามประกบข้างก่อนใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่ จนเป็นเหตุให้ นายวีระยุทธ และภรรยาเสียชีวิต ส่วนบุตรชายได้รับบาดเจ็บสาหัส 

หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สืบทราบเบาะแสสำคัญว่าชนวนเหตุการสังหารโหดครั้งนี้มาจากความขัดแย้งเรื่องส่วนตัวกับกลุ่มคู่อริเก่าที่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน จนถึงขั้นเคยไล่ยิงแก้แค้นกันไปมา รวมถึงยังตรวจสอบพบว่า รถกระบะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นรถของ นายชำนิ ผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 ต.แก้วแสน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช 

จึงสืบหาความเชื่อมโยงกระทั่งพบว่านายชำนิ รู้จักสนิทสนมกับมือปืนทั้ง 2 คน และ ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีนี้ด้วย เนื่องจากเป็นผู้ให้มือปืนทั้ง 2 คน ยืมรถกระบะไปใช้ก่อเหตุ อีกทั้งหลังเกิดเหตุยังเป็นผู้นำรถคันดังกล่าวไปเผาทำลายอำพรางหลักฐานอีกด้วย ทางพนักงานสอบสวน สภ.รัษฎา จ.ตรัง ท้องที่เจ้าของคดี จึงรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวทั้ง 3 คน จนนำไปสู่ปฏิบัติการเข้าตรวจค้นจับกุมตัวนายชำนิ หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการได้ดังกล่าว 

จากการสอบสวน นายชำนิ ให้การภาคเสธ ยอมรับในข้อเท็จจริงเพียงบางส่วน แต่ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง สภ.รัษฎา ดำเนินการตามกฎหมายพร้อมขยายผลตามล่ามือปืนที่กอ่เหตุทั้ง 2 คน ที่เหลือต่อไป