"บิ๊กไบค์" รวมตัว ร้องรพ.ดังแจงหลังทำ "ลูกตาย" หลังลืมตาดูโลกได้ 2 ชม .

25 ต.ค.2564  นายปรีชา แสงศรีจันทร์ พร้อมด้วย นางสาวนฤดี ม่วงจำกัด นำขบวนรถ บิ๊กไบค์ กว่า 10 คัน พร้อมรถยนต์เก๋งอีก กว่า 10 คัน เคลื่อนมาที่ สน.พญาไท เพื่อเรียกร้องกรณีลูกชาย ที่เพิ่งคลอดได้เพียง 2 ชั่วโมง เสียชีวิตลงทั้งที่ขณะคลอดลูกชายยังดิ้นและมีเสียงร้อง ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกิดตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด

 

โดยขบวน บิ๊กไบค์ และรถยนต์ ซึ่งนางสาวนฤดี  ยืนชูภาพถ่ายของลูกชายแรกคลอดผ่านช่องหลังคารถเก๋งนำขบวน แห่ไปบนถนนพหลโยธิน มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และ สนามเป้า เพื่อแสดงพลังและเจตนา ที่ต้องการให้ทางโรงพยาบาล ชี้แจงถึงสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง และต้องการให้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

 

โดยที่ด้านหน้าของรถ บิ๊กไบค์ และรถเก๋งทุกคัน ที่ร่วมกันแห่ขบวนเรียกร้องความเป็นธรรม ได้ติดป้ายข้อความ เรียกร้องให้โรงพยาบาลออกมาชี้แจง เช่น เด็กตายที่โรงพยาบาล แต่อ้างว่าไม่มีกล้องวงจรปิด

 

 

นายปรีชา ได้เปิดเผยก่อนเริ่มเคลื่อนขบวนแห่ว่า  ครอบครัวตัวเองรอลูกคนนี้มานานถึง 9 ปี จนตั้งครรภ์  รู้สึกดีใจและดูแลกันมาอย่างดี มีการฝากครรภ์ ที่คลีนิก แห่งหนึ่งที่ได้รับมาตรฐาน และแพทย์ที่ฝากครรภ์ ก็เป็นแพทย์ทำคลอดที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนี้ ซึ่งตนเองดูแล้วว่าน่าเชื่อถือ เพราะโรงพยาบาลมีชื่อเสียง ซึ่งมีการกำหนดคลอดในช่วงกลางเดือนกรกฏาคม ถึงต้นเดือนสิงหาคม

 

จนมาเมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม ภรรยาเจ็บท้องคลอด  จึงพามาที่โรงพยาบาล ก่อนที่ในช่วงเที่ยงๆ จะมีการเริ่มขั้นตอนคลอด ตามวิธีธรรมชาติ ซึ่งขณะคลอดภรรยาก็ได้ยินเสียงลูกร้องตามปกติ และเมื่อลูกคลอดเรียบร้อย ตนเองก็เดินตามแพทย์มาที่ห้องดูแลทารกแรกคลอด ซึ่งก็ยังเห็นลูกดิ้นตามปกติ ก่อนที่แพทย์เด็กที่มารับช่วงต่อจากแพทย์ทำคลอด จะมาปิดกั้นผ้าม่านทำให้มองไม่เห็น  

 

“หลังจากนั้นเพียง 2 ชั่วโมง เขาได้เดินออกมาบอกว่าลูกชายได้เสียชีวิตแล้ว ผมพยายามสอบถามสาเหตุก็ไม่ได้คำตอบ บอกแต่เพียงว่า ลูกชายอยู่ในอาการวิกฤต ตั้งแต่แรก และเสียชีวิตแล้ว หากไม่เชื่อให้เดินไปเอามือจับหน้าอกดูว่าลูกยังหัวใจเต้นหรือไม่”

 

 

ภายหลังรู้เรื่องทั้งหมด นายปรีชาได้พยายามขอคำอธิบายจากโรงพยาบาลและแพทย์ ที่รับช่วงต่อดูแลทารกแรกเกิดตลอดแต่ไม่เคยได้รับคำตอบ และตนเองยังได้สอบถามแพทย์ที่ทำคลอด ก็ทราบว่าลูกตนเองปกติดีทุกอย่างไม่มีสัญญาณที่จะมีการผิดปกติ และการคลอดก็เป็นไปตามปกติดี ไม่มีอันตรายใดๆ ซึ่งขณะที่ตนเองแจ้งให้แพทย์ผู้ทำคลอดทราบแพทย์ผู้ทำคลอดเองก็ยังตกใจ และยืนยันว่าเด็กปกติดีทุกอย่าง

 

 

นายปรีชา กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ที่ผ่านมาพยายามเดินเรื่องต่อเพื่อสอบถามสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริงของลูกชายจึงมีการส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามาธิบดี และรอผลซึ่งระหว่างรอผลตลอดระยะเวลาสองถึงสามเดือนที่ผ่านมาก็มีการเข้าพูดคุยเจรจากับทางโรงพยาบาลและแพทย์ผู้ทำหน้าที่รับช่วงต่อจากแพทย์ผู้ทำคลอดแต่ทุกการเจรจาไม่เคยได้รับคำตอบหรือการชี้แจงถึงสาเหตุของการเสียชีวิตที่แท้จริง 

 

นอกจากนี้ยังรวมถึงประเด็นที่ ในใบอธิบายการตายของทางโรงพยาบาลมีการระบุว่าปอดทะลุและหน้าอกมีรอยเจาะจากการใช้เข็มฉีดยา อะดรีนาลีนโดยอ้างว่าเป็นขั้นตอนการพยายามยื้อชีวิต ที่ระบุว่ามีจำนวน 6 รู แต่ในข้อเท็จจริง มีถึง 10 รู และเมื่อถามว่าเหตุใดถึงต้องมีการใช้อะดรีนาลีนฉีดเข้าบริเวณหน้าอก ทางโรงพยาบาลก็ตอบเพียงว่าเด็กอยู่ในอาการวิกฤต ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลยังมีการพยายามเสนอเงินจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อยุติเรื่องทั้งหมด แต่ตนเองและครอบครัวไม่ยอม

 

"ในวันนี้มีการนัดกับเพื่อนๆและครอบครัวว่าจะมีการนำผลชันสูตร ที่ได้จากทางโรงพยาบาลรามาธิบดีมายื่นให้กับทางพนักงานสอบสวน สน. พญาไท เพื่อใช้ในการรวบรวมหลักฐานดำเนินการเอาผิดกับทางแพทย์และโรงพยาบาล โดยก่อนจะ ไปที่ สน. พญาไท จะมีการแห่รอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผมยืนยันว่าจะดำเนินการเอาเรื่องผู้กระทำผิดให้ถึงที่สุดแม้ว่าการออกมาร้องเรียกในครั้งนี้จะไม่ได้รับเงินเลยสักบาทก็ตาม เพราะ หลักฐานตามเอกสารทั้งหมดมีการย้อนแย้งและไม่สอดคล้องกัน"

 

 

ด้าน นางสาวนฤดี กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียลูกชายเพราะรอคอยมานาน ซึ่งสามารถยืนยันได้ว่าเมื่อเด็กคลอดออกมายังได้ยินเสียงลูกร้องเสียงดังตามปกติแต่แพทย์ได้นำตัวเด็กออกไปจากห้องคลอดโดยไม่ยอมให้ได้เห็นหน้าลูกชาย ก่อนที่ในเวลาต่อมาสามีจะแจ้งว่าลูกชายเสียชีวิต

 

“ตอนนั้นยอมรับว่าตกใจมากเพราะไม่รู้ว่าเหตุใดถึงเสียชีวิตเพราะเรายังได้ยินเสียงร้องตามปกติเหมือนเด็กทั่วไปไม่ได้มีสัญญา ความผิดปกติใดๆ”นางสางนฤดีระบุ