ข่าว

สมพงษ์ ยันเอง "คุณหญิงพจมาน"-เพรียวพันธ์ ไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ยืนยันเอง "หญิงอ้อ-คุณหญิงพจมาน" -เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ไม่ใช่แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ตัดชื่อทิ้งไปได้เลย -ม.44 พ่นพิษ เพื่อไทย ชี้ ทรัพย์สินชาติ จ่อถูกแลกชดใช้ความผิดพลาดประยุทธ์ หลังอนุญาโตฯจะมีคำชี้ขาดกรณีสั่งปิดเหมืองทองอัคราฯ 31 ต.ค.นี้ ---

นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวแคนดิเดตหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคที่มีชื่อ"คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์" และพลตำรวจเอกเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์นั้นว่าไม่มีข้อเท็จจริง แต่ระบุเพียงว่า "คุณหญิงพจมาน" เป็นบุคคลที่คนในพรรคเพื่อไทย เคารพนับถือ นับแต่ยุคสมัยพรรคไทยรักไทย แต่ "คุณหญิงพจมาน" ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยและกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการเสนอชื่อ "คุณหญิงพจมาน" มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีนั้นตัดทิ้งไปได้เลย 

นอกจากนี้ นายสมพงษ์ ยังกล่าวถึง คำตัดสินชี้ขาดของคณอนุญาโตตุลาการกรณีเหมืองทองอัคราจะออกมาในวันที่ 31 ต.ค.2564 นี้ว่า ได้รับทราบมาว่า บริษัท คิงส์เกตฯ ได้แถลงต่อตลาดหลักทรัพย์ ในลักษณะของการเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการเจรจากับฝ่ายรัฐบาลไทยจะได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายบริษัท คิงส์เกตฯ ซึ่งทำให้พรรคเพื่อไทยกังวลว่า อาจเป็นความเสียหายแก่ประเทศและประชาชนไทย ซึ่งเป็นผลจากการใช้อำนาจ มาตรา 44 ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และอาจเสียหายไปถึงขั้นที่จะมีการนำทรัพย์สินชาติ
ไปแลกชดใช้ความผิดพลาดดังกล่าว  

 

 

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งระงับการทำเหมืองทองคำและประกอบโลหกรรมแร่ทองคำ เป็นเหตุให้ บริษัทคิงเกตส์ฯ ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ โดยในช่วงเดือน ก.พ. 2560 ได้เริ่มการไต่สวนคู่กรณีรอบแรกที่ประเทศสิงคโปร์ซึ่งระหว่างนั้นฝ่ายรัฐบาลโดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกมาชี้แจงถึงหนทางการระงับข้อพิพาทเป็นระยะ

 

ล่าสุด 23 ก.ย.64 บริษัทคิงส์เกตฯ ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ถึงความก้าวหน้าการเจรจากับฝ่ายรัฐบาลไทยซึ่งกำลังจะได้ข้อยุติ ขณะเดียวกันก็แจ้งไปยังคณะอนุญาโตตุลาการขอให้ยืดเวลาการเปิดคำตัดสินชี้ขาดไปเป็นวันที่ 31 ต.ค.2564 เพื่อให้มีการนำข้อสรุปการเจรจาบรรจุในเนื้อหาคำชี้ขาด  

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่ได้ตรวจสอบพบจากถ้อยแถลงของบริษัทคิงส์เกตฯ ต่อตลาดหลักทรัพย์นั้นอาจนำมาสู่ความเสียหายกับประชาชนและอาจเกิดความสูญเสียทรัพย์สมบัติของชาติที่จะต้องนำมาแลกชดใช้ความผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์ โดยสาระของถ้อยแถลงดังกล่าว มีใจความสำคัญชี้ให้เห็นแนวโน้มข้อยุติในลักษณะที่ว่า ข้อเสนอต่างๆ ของบริษัทคิงส์เกตฯ จะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลไทยทุกข้อโดยไม่มีข้อจำกัด

 

อาทิ การได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเหมืองใหม่ทั้งหมด การสามารถได้รับการอนุญาตให้ทำเหมืองในพื้นที่ใหม่ นอกเหนือจากเหมืองทองชาตรีเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทคิงส์เกตฯ มีความมั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนในการ
ลงทุนและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ และที่สำคัญ คือ ในการทำเหมืองใหม่จะได้รับการดูแลค่าภาคหลวงและภาษีต่างๆ รวมไปถึงกระบวนการอนุมัติอย่างรวดเร็ว ซึ่งสภาพบังคับนี้อาจทำให้เกิดการข้ามขั้นตอน ซึ่งอาจไม่ชอบด้วยวิธีปฏิบัติตามกฎหมายไทย 

 

 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากรัฐบาลไทยยินยอมตามที่บริษัทคิงส์เกตฯ แจ้งแนวโน้มข้อยุติดังกล่าวและคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการออกมาในวันที่ 31 ต.ค.2564 เป็นไป ดังนั้นประเทศไทยจะเสียหายมหาศาล แม้จะเป็นการประนีประนอมแต่ก็จะเท่ากับการเอาสมบัติชาติและประชาชนไปแลกชดใช้ความผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์และ คสช. หรือแม้แต่ถ้าอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่าทางการไทยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และจะต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาด ประเทศและประชาชนไทยจะต้องเป็นผู้ร่วมกันชดใช้ ซึ่งก็ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ ที่จะต้องเป็นผู้ชดใช้

 

พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น และหากเกิดขึ้น คนที่ต้องรับผิดชอบจะต้องเป็นพลเอกประยุทธ์ เพราะเป็นผู้ที่ใช้อำนาจและใช้กฎหมายมิชอบ ทรัพย์สมบัติชาติและทรัพย์สมบัติของประชาชน ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของพลเอกประยุทธ์ จะเอาไปแลกชดใช้กับความผิดพลาดของตัวเองไม่ได้

logoline