ข่าว

ธปท.เปิดปม "ดูดเงินบัญชี" ผ่านบัตรเดบิต สั่งคืนเงินใน 5 วัน หากพบผิดปกติ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ธปท.-สมาคมธนาคารไทย แถลงเปิดปม "ดูดเงินบัญชี" ผ่านบัตรเดบิต พร้อมอุดช่องโหว่ หากพบผิดปกติ ระงับใช้ทันที บัตรเดบิต คืนเงินใน 5 วัน

19 ต.ค.2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย แถลงความคืบหน้า กรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ตามที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สมาคมธนาคารไทย ได้ชี้แจงว่า มิได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากระบบธนาคาร โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการที่มิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตร และนำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศ ที่ไม่มีการใช้ One Time Password (OTP) โดยตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม มีบัตรที่มีการใช้งานผิดปกติจากเหตุข้างต้นจำนวน 10,700 ใบ โดยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นรายการใช้จากบัตรเดบิตเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งการใช้งานส่วนใหญ่มีจำนวนเงินต่อรายการต่ำ เช่น 1 ดอลลาร์ สรอ. และมีการใช้เป็นจำนวนหลาย ๆ ครั้ง ทั้งนี้ ธนาคารมีระบบตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยแต่ละธนาคารจะกำหนดเพดาน และเงื่อนไขการใช้งานของบัตรตามลักษณะประเภทร้านค้า และประเภทสินค้าแตกต่างกันไป 

 

นอกจากนี้ ธปท. และ สมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมกันกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อป้องกันและแก้ปัญหา ดังนี้
 

  1. ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำและที่มีความถี่สูง หากพบธุรกรรมที่ผิดปกติ ธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันที และแจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ 
  2. เพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ ตั้งแต่รายการแรกผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น ระบบ Mobile banking อีเมล หรือ SMS  
  3. กรณีที่ตรวจสอบพบว่า ลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามข้างต้น กรณีบัตรเดบิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนกรณีบัตรเครดิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องชำระเงินตามยอดเรียกเก็บที่ผิดปกติ และจะไม่มีการคิดดอกเบี้ย
  4. ธปท. และสมาคมธนาคารไทยจะเร่งหารือกับผู้ให้บริการเครือข่ายบัตร เช่น Visa Mastercard เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตนเพิ่มเติม เช่น OTP กับบัตรเดบิต สำหรับร้านค้าออนไลน์

 

กรณีลูกค้าพบความผิดปกติของธุรกรรมด้วยตนเอง สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์ หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อแจ้งตรวจสอบ และยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมในทันที โดยธนาคารจะดูแลแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด 

 

ธปท.เปิดปม "ดูดเงินบัญชี" ผ่านบัตรเดบิต สั่งคืนเงินใน 5 วัน หากพบผิดปกติ


 

สำหรับประชาชนทั่วไป ควรตรวจสอบการทำธุรกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งระมัดระวังการผูกบัตรเดบิตในการทำธุรกรรม โดยเฉพาะกับแพลตฟอร์มที่มีความเสี่ยง เช่น เกมออนไลน์ แพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนก่อนเข้าใช้งาน หรือไม่มี OTP ทั้งนี้ สำหรับบางธนาคาร ลูกค้ายังสามารถเปิด/ปิดการใช้งานของบัตร หรือเปลี่ยนแปลงวงเงินการใช้บัตร หรืออายัดบัตรได้ด้วยตัวเอง ผ่านแอพพลิเคชั่นของธนาคาร นอกเหนือจากการติดต่อกับธนาคาร

 

ธปท. และ สมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารมีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ในระยะต่อไป ธปท. และสถาบันการเงินจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับมาตรการและประสิทธิภาพการตรวจจับและตอบสนองต่อรายการผิดปกติ เพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว  

 

นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ยังแถลงรายงานในเบื้องต้น ผลการตรวจสอบที่ออกมาพบว่า 80-90% มาจากการดูดเงินผ่านบัตรเดบิต โดยพฤติการณ์ของคนร้ายคือการสุ่มหน้าบัตร และวันหมดอายุ เพื่อโจรกรรมเงิน และ ส่วนใหญ่จะเป็นการทำร้านค้าในต่างประเทศผลตรวจสอบเบื้องต้นจากธนาคารแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ใกล้เคียงกับข้อสันนิษฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

 

สำหรับพฤติการณ์การก่อเหตุ สันนิษฐานว่าอาจเกิดจาก 3 รูปแบบ

 

  1. เป็นการผูกบัญชีบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัญชีธนาคารเข้ากับแอปพลิเคชันต่าง ๆ เช่น แอปพลิเคชันออนไลน์ และข้อมูลเกิดหลุดไปถึงแก๊งมิจฉาชีพ
  2. การส่ง SMS หลอกลวง ที่จะส่งลิงก์มาตาม SMS เข้ามือถือผู้เสียหาย และให้กรอกข้อมูลต่าง ๆ เช่น ปล่อยเงินกู้ ไปรษณีย์ไทย
  3. การใช้บัตรเครดิต และบัตรเดบิตในชีวิตประจำวัน เช่น การให้บัตรพนักงานไปชำระค่าสินค้าและบริการในห้าง หรือการเติมน้ำมัน อาจถูกพนักงานเก็บข้อมูลเลขหน้าบัตร 16 หลัก และเลข CVC หลังบัตร 3 ตัว ซึ่งคนร้ายอาจมีการรวบรวมข้อมูล และขายต่อในตลาดมืด

 

logoline