เหยื่อ "ดูดเงินบัญชี" โร่แจ้งความตำรวจแล้ว หลังมิจฉาชีพแอบ "แฮกข้อมูล"

(18ต.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีผู้เสียหาย ถูก "แฮกข้อมูล" หักเงินจากบัญชีธนาคาร หรือบัตรเดบิต โดยจะถูก "ดูดเงินบัญชี" จำนวนหลายครั้งโดยไม่ทราบสาเหตุ เบื้องต้นสมาคมธนาคารไทย ได้ชี้แจงว่าการ "แฮกข้อมูล" ไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้า และบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอพพลิเคชั่นดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว 

ขณะนี้ มีประชาชนหลายพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากการ "แฮกข้อมูล" ซึ่งได้ทยอยเข้าแจ้งความทั้งกับสถานีตำรวจพื้นที่ และกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. โดยเจ้าหน้าที่จะมีการประสานธนาคาร เพื่อเยียวยาความเสียหายจากการถูก "ดูดเงินบัญชี" ที่เกิดขึ้น

เบื้องต้นขอแนะนำเรื่องการใช้บัตรเครดิต หรือ บัตรเดบิต ในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยเฉพาะการเปิดเผยตัวเลข 3 หลักหลังบัตร เพื่อความปลอดภัยในการใช้จ่ายประจำวัน และป้องกันมิจฉาชีพ "แฮกข้อมูล" มิให้แอบถ่ายรูปด้านหน้าและหลังบัตร เพื่อนำไปใช้จ่ายในโลกออนไลน์ พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้งาน จำกัดวงเงินที่ใช้ หรือ ตั้งวงเงินต่ำ ในส่วนของบัตรที่ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ รวมไปถึงการใช้วิธีแสกนคิวอาร์โค้ด ก็สามารถป้องกันการยื่นบัตรให้พนักงานหรือบุคคลที่3ได้ "ดูดเงินบัญชี"

ทางด้าน พลตำรวจตรี จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ กำลังอยู่ในระหว่างรวบรวมข้อมูล และผู้เสียหายที่ถูก "ดูดเงินบัญชี" เข้าแจ้งความในพื้นที่กรุงเทพฯ เบื้องต้นจะให้แต่ละสถานีตำรวจ รับแจ้งความเอาไว้ หากมีผู้เสียหายจากการถูก "แฮกข้อมูล" จำนวนมาก ก็อาจจะมีการพิจารณาตั้งคณะทำงานสอบสวนเป็นการเฉพาะ พร้อมมีข้อแนะนำเพิ่มเติมว่า ประชาชนไม่ควรกดรับข้อความ หรือ ลิงค์ต่าง ๆ รวมทั้งควร เปลี่ยนรหัสบัตรบ่อย ๆ และควรรับการแจ้งเตือนเงินเข้า-ออกบัญชี จากทางธนาคาร เพื่อให้สามารถทราบความผิดปกติได้อย่างทันถ้วงที "ดูดเงินบัญชี"