คุมฝากขังมือมีด "แทงอริดับ" หลังยกพวกรุมยำถึงบ้าน แม่วอนขอความเป็นธรรม

14 ต.ค.2564   ตำรวจ สน.เพชรเกษม คุมตัวนายณัฐวุฒิ  หรือ อาร์ม  อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุ ใช้อาวุธมีดแทงวัยรุ่นเจ้าถิ่นเสียชีวิต 2 ศพ ภายในหมู่บ้านสุขสันต์ 6 ถนนกาญจนาภิเษก ไปฝากขังต่อศาลอาญาธนบุรี  โดยในวันนี้ นายณัฐวุฒิ  หรือ อาร์ม มีสีหน้าที่เคร่งเครียด และอิดโรย โดยพบว่ายังคงมีผ้าปิดแผลที่ร่างกายและใบหน้า

โดยนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า "อยากขอโทษแม่กับแฟนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมถึงผู้เสียชีวิต ผมไม่ได้ตั้งใจทำแต่ทำไปเพื่อป้องกันตัว และอยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับฝั่งคู่กรณีด้วย เพราะเรื่องราวทั้งหมดมาจากคู่กรณี " 

ขณะที่มารดา ของนายณัฐวุฒิ ร่ำไห้พร้อมกับบอกว่า ลูกชายบอกกับตนว่า เรื่องแค่นิดเดียวเองแค่มีรถมาปาดหน้า ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่โต ลูกก็บอกอีกฝ่ายว่าไม่อยากมีเรื่องเพราะเป็นคนทำงาน เขาก็นั่งกินข้าวกับแฟนเขาปกติ  แต่คู่กรณียังพาพวกไปถึงที่ ที่ต้องทำแบบนั้นไปเพราะลูกชายเจ็บ ถูกตีแขนหักตัวคนเดียวอย่างไรก็ต้องสู้ เหมือนคนจนตรอก 

“แม่อยากไปงานนะ อยากไปขอโทษ ขอให้เรื่องมันจบ เราอยู่กับลูก 2 คน แล้วไม่ใช่คนแถวนั้น แม่ก็กลัว กลัวจะย้อนมาทำร้ายอีก เพราะยังตามจับกันไม่ได้ ได้ยินมาว่าจะไม่ยอมจบด้วย เมื่อเช้าดูข่าว ทางเขาก็บอกว่าลูกเราไปหาเรื่องเขาก่อน ไม่จริงเลย ลูกเราเป็นเด็กทำงาน หาเงิน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับใคร เช้าไปทำงานเย็นกลับบ้านมากินข้าวกับแฟน เฟสบุ๊กเขายังไม่เล่นเลย”   

สำหรับ เรื่องที่เกิดขึ้น เข้าใจถึงความสูญเสีย เพราะเราก็เพิ่งเสียลูกไปเหมือนกันน้องเขาประสบอุบัติเหตุรถล้มหัวฟาดพื้น เข้าใจหัวอกความเป็นแม่ดี แต่มันไม่ยุติธรรมกับลูกเรา ลูกเราไม่ใช่คนแถวนี้ ไม่เคยรู้จักใครเลย ลูกบอกเราทุกอย่าง ลูกไม่อยากจะอยู่ข้างใน อยากทำงาน ลูกไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนาจะทำขนาดนั้น แต่ที่ต้องออกไปเพราะไม่อยากให้ยกพวกเข้ามาในบ้าน  เขาก็เป็นห่วงแฟนของเขา แต่ตอนนี้คนต้นเหตุุยังลอยนวลอยู่ ยังจับไม่ได้ ก็อยากฝากเจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะคนต้นเรื่องพาเพื่อนมาตาย ลูกเราป้องกันตัว ตอนที่โดนมีด ลูกก็ยังถามถึงอาการบาดเจ็บเลย เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจ แต่สถานการณ์มันบังคับ

ทางด้านแฟนสาวของนายณัฐวุฒิ  กล่าวว่า  วันที่เกิดเรื่องคนที่เห็นเหตุการณ์บอกว่า เรื่องเกิดจากขับรถปาดกันนิดเดียว เขาก็จอดรถแล้วพูดอะไรไม่ทราบ แล้วอีกฝ่ายหนึ่งก็ลงจากรถ ซึ่งชาวบ้านแถวนั้นก็เข้ามาห้ามว่าอย่ามีเรื่องกันเลย 

“แฟนหนูก็โบกมือและบอกว่า ไปไปอย่ามีเรื่องกันเลย  ไม่อยากมีเรื่อง ต่างคนต่างไปเถอะ คนทำงานเหมือนกัน แฟนก็ขับรถเข้าบ้าน ส่วนเขาก็โทรเรียกพวกมา แต่ก็ไม่รู้ว่ารู้บ้านได้ยังไง หรืออาจจะเห็นเพราะซอยบ้านมันมองเห็นกันทุกซอยว่าจอดตรงไหน เข้าซอยไหน เขามาถึงท้ายซอยคงจะมองเห็นเข้ามา เลยตะโกนเรียกให้ออก แต่แฟนก็ไม่ออก ”

แฟนสาวยังบอกอีกว่า ที่เขาไม่ออกจากบ้าน เป็นเพราะว่า เราเป็นผู้หญิง เป็นแฟนเขา เขาห่วงเรา แต่พอเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มมีการปาสิ่งของเข้ามา เขาก็ต้องออกไป  ถ้าเกิดไม่ออก แล้วถ้ามีอาวุธ มีปืน ยิงเข้ามา อาจจะโดนเรา เขาก็เลยต้องออกไป แต่ที่ถือมีดออกไปด้วย เพราะเขาคิดไว้แล้วว่า  ออกไปอย่างไรก็คงไม่รอด มากันจำนวนมากแล้วเขาก็ตัวเดียว 

“ถ้าคิดจะสู้จริงๆ  ตอนเกิดเรื่องทำไมเขาไม่โทรหาเพื่อน แต่เขาออกไปคนเดียว ส่วนมีด น่าจะวางอยู่แถวชั้นรองเท้า คือเล่าตามภาพกล้องวงจรปิด เพราะตอนเกิดเหตุหนูอยู่ข้างบน และก็ฟังจากที่เขาเล่าให้ฟังด้วย   เขาออกไปเพื่อที่จะล่อให้ไปทางท้ายสวนซึ่งเป็นสวน  ซึ่งตอนนั้นที่แขนเขาโดนอะไรสักอย่าง ทำให้ขยับไม่ได้ จึงใช้อาวุธที่ถือไปป้องกันตัว คนมันเจ็บแล้ว มันก็ต้องสู้ ใช้อาวุธที่ถือติดตัวไปสู้ ถ้าไม่สู้ก็ต้องตาย” แฟนสาว นายณัฐวุฒิ กล่าว