"ในหลวง ร.9" กับมรดกแห่งพระอัจฉริยภาพด้านประติมากรรม ในความทรงจำของคนไทย

พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร "ในหลวงรัชกาลที่ 9" เป็นพระมหากษัตริย์ที่ได้รับการยอมรับว่า ทรงเป็นเลิศในศิลปะหลากหลายแขนง และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการศิลปวัฒนธรรมไทยนานัปการ ทั้งยังทรงนำพระอัจฉริยภาพเหล่านี้ มาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและประเทศตลอดมา จนเป็นที่ประจักษ์ในพระปรีชาสามารถ แก่พสกนิกรไทย และศิลปินทั่วโลก จึงได้รับการยกย่องสดุดี พระเกียรติคุณ การทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายพระราชสมัญญาว่า "อัครศิลปิน" และงานด้านประติมากรรม เป็นหนึ่งในงานที่ทรงมีความสนพระราชหฤทัยยิ่ง โดยทรงศึกษาจากหนังสือทางด้านศิลปะ และค้นคว้าเทคนิควิธีการต่าง ๆ  ด้วยพระองค์เอง ทั้งการปั้นการหล่อ และการทำแม่พิมพ์  ทรงเข้า
พระราชหฤทัย ถึงกระบวนการ และขั้นตอนของงานทางด้านนี้เป็นอย่างดี โดยมีนายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ ข้าราชการบำนาญกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร เป็นผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ในงานด้านประติมากรรม 

โดยงานประติมากรรมฝีพระหัตถ์ของพระองค์ชิ้นสำคัญ เป็นประติมากรรมลอยตัว (Round Relief) ที่เก็บรักษาไว้ในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน คือ พระรูปปั้นดินน้ำมัน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครึ่งพระองค์ สูง 12 นิ้ว ซึ่งต่อมาอาจารย์ไพฑูรย์ ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต ทำแม่พิมพ์หล่อเป็นปูนปลาสเตอร์ ในปี พ.ศ. 2508  และ รูปปั้นผู้หญิงเปลือยคุกเข่า ความสูง 9 นิ้ว ทรงปั้นด้วยดินน้ำมัน

ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร "ในหลวงรัชกาลที่ 9" ทรงครองสิริราชสมบัติ พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระอัจฉริยภาพในด้านต่าง ๆ ทรงเชี่ยวชาญศิลปะหลายแขนง จนเป็นที่ประจักษ์ในพระปรีชาสามารถ จากพระบรมราโชวาทอันล้ำลึก และสายพระเนตรอันกว้างไกลในการพัฒนาคนนานัปการ ถือเป็นคุณประโยชน์อย่างใหญ่หลวงแก่การพัฒนาประเทศไทยตลอดมา

ที่มา : วิกิพีเดีย,มูลนิธิยุวทูตความดี