รวบท้าวแชร์ บ้าน ก.ไก่ คาห้องพักกลางเมืองนครศรีธรรมราช

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.64 พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.8 พร้อมด้วย พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภ.8 และพล.ต.ต.ธรรมนูญ ประยืนยง ผบก.ภ.จว.พังงา สั่งการให้ พ.ต.อ.ธัชพงศ์ วงศ์พัฒนานิวาศ ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.8 สนธิกำลัง ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองพังงา นำกำลังจับกุม น.ส.พัชราภรณ์ หรือ ไก่ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพังงา ที่ จ.179/2564 ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ในความผิดอาญาฐาน "ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2537" โดยจับกุมได้ห้องพักเลขที่ 202 โรงแรมบีลอฟท์โฮเทล ม.2 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช

สืบเนื่องจากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ดำเนินการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง ภายใต้การอำนวยการและสั่งการของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.และ ผอ.ศปอส.ตร.ได้สั่งการให้ ตำรวจภูธรภาค 8 และ ศปอส.ภ.8 ดำเนินการสืบสวนสอบสวน กรณีมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพังงา ว่า เมื่อประมาณเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ได้เห็นโพสต์เกี่ยวกับการลงทุนแชร์ ซึ่งโพสต์โดย น.ส.พัชราภรณ์ หรือ ผู้ใช้ เฟซบุ๊ก ชื่อ "ก.ไก่ อินเทรน" โพสต์สลิปการโอนเงินให้ผู้ลงทุน ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจริงและไม่ถูกหลอก จึงตัดสินใจไปลงทุนแชร์กับ น.ส.พัชราภรณ์  ต่อมาได้ประกาศไว้ในกลุ่มแชทเมสเซนเจอร์ ชื่อ "บ้านแชร์ ก.ไก่" หรือที่กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวเรียกว่า "บ้านใหญ่" ซึ่งหากใครลงทุนเงินมากกว่า 500,000 บาท จะมีสิทธิ์ได้เข้ากลุ่มลงทุนบ้านออมเงิน ชื่อกลุ่มว่า "บ้านออมเงิน ก.ไก่" ซึ่งผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อ แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายจ่ายเงินปันผล มีการแจ้งว่าติดต่อท้าวแชร์ไม่ได้ จึงรวมตัวแจ้งความตำรวจ ความเสียหายรวมกว่า 10 ล้านบาท 

ต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหา เบื้องต้นเจ้าตัวให้การภาคเสธ แต่ให้การยอมรับว่าตนเอง เป็นเจ้าของท้าวแชร์ บ้าน ก.ไก่ จริง และประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับจัดตั้งวงแชร์มาประมาณ 3-4 ปี และมีวงแชร์กว่า 20 วงแชร์ มีผู้เสียหายที่มาเล่นแชร์ กว่า 30 ราย โดยในช่วงหลัง น.ส.พัชราภรณ์ หรือ ไก่ ได้ถูกลูกค้าโกงแชร์ไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ขาดสภาพคล่องในการจ่ายเงิน ให้กับลูกค้า จึงเป็นเหตุให้กระทำความผิดในคดีดังกล่าว