"วินท์ สุธีรชัย "เปิดโฉม "รวมไทยยูไนเต็ด" หลังแยกทางพรรคก้าวไกล

"วินท์ สุธีรชัย" หรือ "นายห้างวินท์" ซึ่งเพิ่งประกาศลาออกจากความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ) จาก"พรรคก้าวไกล" ออกมาเผยโฉมการตั้งพรรคการเมืองใหม่ออกมาแล้ว ในนาม  "รวมไทยยูไนเต็ด"  

เมื่อวันที่ 7 ต.ค.64  ผู้สื่อข่าว"คมชัดลึก" รายงานว่า  ภายหลัง "นายวินท์ สุธีรชัย"  ได้โพสต์ข้อความ ขอยุติการปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)  เนื่องจากได้ประกาศลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ระบบบัญชีรายชื่อในสังกัดพรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 6 ต.ค.64 ที่ผ่านมาแล้ว 

ล่าสุด"นายวินท์"   ยังได้ปรับภาพโปรไฟล์ผ่านเพจส่วนตน "วินท์ สุธีรชัย" โดยมีสัญลักษณ์องค์กรทางการเมืองที่จะตั้งขึ้นใหม่ ในนาม "รวมไทยยูไนเต็ด" 

โดยในเบื้องต้นเป็น การนำเสนอข้อความ "รวมไทยยูไนเต็ด" ภายใต้สีแดงโทนพาสเทล  พร้อมกับมีข้อความใต้สัญลักษณ์ "รวมกันคิด รวมกันทำ รวมกันสร้าง"     

ทั้งนี้ นายวินท์ สุธีรชัย ถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มทำให้ถูกเรียกกันว่า "นายห้างวินท์" โดยหลงเสน่ห์การเมืองจึงตัดสินใจเข้าร่วมงานกับ "นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ " ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ กระทั่งพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ นายวินท์ ก็ยังคงมาร่วมงานต่อกับพรรคก้าวไกล โดยขยับขึ้นมาเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ  

อย่างไรก็ดี แนวนโยบายของพรรคอนาคตใหม่เดิม มีความพยายามที่จะปฏิรูปสถาบัน ทำให้หลายคนในพรรคสีส้ม ไม่เอาด้วย   เช่นเดียวกับนายวินท์  ไม่ร่วมลงนามสนับสนุนให้แก้กฎหมายประมวลวิอาญามาตรา 112   

กระทั่ง ต้นปี 2564 แหล่งข่าวในพรรคก้าวไกล เปิดประเด็นความเคลื่อนไหวของ ส.ส.งูเห่า ที่แฝงตัวอยู่ในพรรค โดยระบุด้วยว่า “นายห้าง ว.” มีความพยายามสร้างมุ้งขึ้นมาในพรรค และมี ส.ส.อยู่ในกลุ่ม 3-4 คน ประกอบด้วย ส.ส.กทม. และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

บังเอิญว่า วินท์ สุธีรชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อขณะนั้น เป็น 1 ใน 9 ส.ส.ที่ไม่ลงชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 เขาจึงตกเป็นเป้าหมายของขบวนการปล่อยข่าวจากคนในพรรคก้าวไกล

ก่อนเข้าสู่เส้นทางการเมือง  "วินท์ สุธีรชัย" ก่อตั้งบริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัด และดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ม สตีล มิลล์ จำกัด ผลิตเหล็กม้วนรีดร้อนที่นำไปใช้ได้กับหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งเหล็กรูปพรรณ เหล็กโครงสร้างต่างๆ

นอกจากนี้ "วินท์ สุธีรชัย" ยังเป็นกรรมการบริษัทอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อย 11 แห่ง ในเครือ ตระกูลสุธีรชัย ปี 2560 มีรายได้รวมราว 2 พันล้านบาท มาจาก 4 บริษัทหลัก